ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต นำเสนอบทความ เรื่อง “เก็บความจากเวที JAPOR และ WAPOR Asia Pacific” ระบุว่า การประชุม JAPOR Annual Conference 2025 ซึ่งจัดร่วมกับการประชุม WAPOR Asia Pacific ครั้งที่ 8 ณ มหาวิทยาลัยริคเคียว กรุงโตเกียว (Rikkyo University) ระหว่างวันที่ 21–23 พฤศจิกายน 2568 เป็นหนึ่งในเวทีด้านการวิจัยความคิดเห็นสาธารณะที่สำคัญที่สุดของภูมิภาค เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านระเบียบวิธีวิจัยรุ่นใหม่ สะท้อนให้เห็นทิศทางการปรับตัวของวงการโพลญี่ปุ่นและภูมิภาคเอเชียท่ามกลางความท้าทายร่วมสมัย ทั้งเรื่องอัตราตอบกลับที่ลดลง ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และแรงกดดันจากสภาพแวดล้อมสื่อใหม่
สวนดุสิตโพลได้เข้าร่วมงานประชุมของสมาคมวิจัยความคิดเห็นสาธารณะโลก หรือ World Association for Public Opinion Research (WAPOR) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียนรู้แนวโน้มสากลและเชื่อมโยงความรู้มาสู่การพัฒนางานของสวนดุสิตโพล
ไฮไลต์สำคัญของงานครั้งนี้คือปาฐกถาจาก ศ.โทคุฮิสะ ซูซึกิ (Tokuhisa Suzuki) ประธาน JAPOR ซึ่งกล่าวว่า “อนาคตของโพลอยู่ที่การรักษามาตรฐานทางวิชาการควบคู่กับการสร้างความไว้วางใจจากประชาชน”
บ่งบอกถึงความพยายามของโพลญี่ปุ่นในการยกระดับคุณภาพข้อมูล ในช่วงเวลาที่ความเชื่อมั่นต่อโพลทั่วโลกกำลังถูกตั้งคำถาม
ต่อเนื่องไปกับการนำเสนอของ NHK เกี่ยวกับ “วิกฤตอัตราตอบกลับ” ที่ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ทศวรรษ 1960 แม้ว่าวิธีการเก็บข้อมูลจะมีการปรับตัวทั้งแบบโทรศัพท์ ไปรษณีย์ และออนไลน์ แต่ภาพรวมยังคงสะท้อนความยากของการเข้าถึงประชาชนยุคใหม่ NHK ชี้ว่า ต้นทุนที่สูงขึ้นและความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล คือสองแรงกดดันใหญ่ที่ผลักให้สำนักข่าวต้องมองหาแนวทางการทำโพลที่ “ยั่งยืนกว่าเดิม”
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือข้อเสนอ “ระบบพาแนลกลาง (Joint-use Panel)” ที่ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาร่วมกันระหว่างสื่อ มหาวิทยาลัย และสมาคมวิจัยด้านโพล เพื่อสร้างฐานข้อมูลประชากรตัวแทนประเทศที่สามารถใช้ร่วมกันได้ ช่วยลดต้นทุนในระยะยาว และยังเป็นการยกระดับมาตรฐานด้าน sampling ของประเทศให้ขยับเข้าใกล้สหรัฐและยุโรปมากขึ้น
นอกจากนี้ในรอบ Roundtable “Responding to Fluid Politics” ได้พูดถึงความท้าทายของการจับสัญญาณทางการเมืองรูปแบบใหม่ โดยอ้างอิงกรณีตัวอย่างจากญี่ปุ่นและบทเรียนจากสหรัฐอเมริกาที่ AAPOR เพิ่งเผยแพร่รายงานปี 2025 ว่า “ไม่มีระเบียบวิธีใดรับประกันความแม่นยำได้ 100%” และหลายกลุ่มประชากร “จับยากขึ้นเรื่อย ๆ” ในการทำโพล ซึ่งประเด็นนี้มีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศที่ความผันผวนทางการเมืองสูงรวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน
วันถัดมามีการบรรยายพิเศษของ ศ.ยูคิโอะ มาเอดะ (University of Tokyo) เรื่อง Public Opinion Polling and Prime Ministers กล่าวถึงการเปลี่ยนวิธีสำรวจจากการสัมภาษณ์ภาคสนามแบบดั้งเดิม (F2F) ไปเป็น RDD (Random Digit Dialing) พบว่า ไม่เพียงลดต้นทุนแต่ยัง “เพิ่มอิทธิพลของโพลต่อการเมืองญี่ปุ่น” จากการที่นักการเมืองตอบสนองต่อผลสำรวจไวขึ้นกว่าเดิม ทำให้ลักษณะผู้นำที่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี “เปลี่ยนไป” ตามระบบนิเวศข้อมูลข่าวสารที่หมุนเร็วขึ้น โพลจึงไม่ใช่แค่การวัด แต่เป็นตัวแปรในเกมการเมือง
ด้าน ศ.ซองบิน ฮวัง (Rikkyo University) ได้นำเสนอกรณีศึกษาการเมืองเกาหลีใต้หลังวิกฤต “martial law” ปี 2024 ชี้ให้เห็นความผันผวนทางความคิดของประชาชนในสังคมที่มี Polarization สูง และเตือนว่า ประเทศที่การแบ่งขั้วรุนแรงควรพัฒนาแบบสำรวจที่ “ละเอียดขึ้น” เพื่อจับความเคลื่อนไหวในกลุ่ม swing voters และ minority clusters ที่เป็นตัวกำหนดผลการเลือกตั้ง สิ่งนี้สะท้อนตรงกับโจทย์สำคัญของไทย ทั้งในมิติการเมืองและภูมิทัศน์สื่อโซเชียล
บรรยากาศทั้งหมดของการประชุมปีนี้สะท้อนให้เห็นโจทย์ร่วมกันของภูมิภาค วิธีเก็บข้อมูลเปลี่ยนไป ประชาชนเปลี่ยนไป และโพลเองก็จำเป็นต้องเปลี่ยนตาม โดยไม่ทิ้งแก่นสำคัญ คือ ความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใส และการสื่อสารอย่างรับผิดชอบ
ท้ายที่สุด ในการประชุมครั้งนี้ สวนดุสิตโพลได้นำเสนอบทความวิจัยเรื่อง “Public Opinion Dynamics in Thailand: Social and Economic Perspectives, 2011–2020” บนเวที WAPOR Asia Pacific Session “Politics and Political Attitudes I” เป็นอีกครั้งที่สวนดุสิตโพล ในนามสำนักโพลในประเทศไทย ได้ร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ด้านความคิดเห็นสาธารณะบนเวทีนานาชาติ โดยได้รับความสนใจจากนักวิชาการจากหลายประเทศร่วมสอบถามและสนใจภูมิทัศน์เกี่ยวกับการเมืองไทยซึ่งร้อนสวนทางกับอากาศในประเทศญี่ปุ่น








