อาชญากรรม

“ทนายวิญญัติ”ย้ำชัด “ทักษิณ” ยังติดคุกชั้นกลาง พักโทษต้องรอขั้นตอน ไม่ลัดคิว

แชร์ข่าว

“ทนายวิญญัติ” เผย “ทักษิณ” ยังคงสถานะผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นกลาง ยังไม่ได้ปรับเลื่อนเป็นชั้นดี ย้ำ แม้ต้องคุมขัง 8 เดือน ก็ต้องรอให้ถูกต้องตามกระบวนการพักโทษและสิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขัง

 

 

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 ธ.ค. ที่ เรือนจำกลางคลองเปรม กรุงเทพมหานคร นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ออกมาเปิดเผยว่า ปัจจุบันนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังคงสถานะผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นกลาง ยังไม่ได้ปรับเลื่อนชั้นเป็นชั้นดี ส่วนกรณีที่ว่านายทักษิณ ชินวัตร จะได้รับเสนอชื่อปรับเลื่อนชั้นจากคณะกรรมการระดับเรือนจำกลางคลองเปรม ไปยังคณะกรรมการส่วนกลาง ระดับกรมราชทัณฑ์ จากชั้นกลางเป็นชั้นดี ในช่วงประมาณเดือน เม.ย.69 ซึ่งหมายความว่าแม้เดือน มี.ค.69 นายทักษิณ จะครบกำหนดคุมขัง 6 เดือน ก็จะได้รับการพิจารณาโครงการพักการลงโทษกรณีทั่วไป อาจไม่ทันได้พักโทษในเดือน มี.ค.69 นั้น ตนเข้าใจในกระบวนการของราชทัณฑ์ และคุณทักษิณเองก็เข้าใจ แม้จะต้องอยู่ไปอีกกี่เดือนก็ตามเพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการพักโทษ สิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขัง ท่านก็พร้อมปฏิบัติตามระเบียบของราชทัณฑ์ เราไม่มีวันไปกดดันเจ้าหน้าที่ หรือไปใช้อำนาจใดที่ทำให้เกิดเรื่องที่ผิดกฎหมาย ดังนั้น ห้วงเวลาของการพักโทษของคุณทักษิณ จะมีสิทธิพิจารณาเวลาใดหลังจากนี้ เราก็ยินดี แม้ 6 เดือน หรือ 8 เดือน เราก็ต้องรอการปรับเลื่อนชั้นให้เรียบร้อยก่อน

 

 

ทนายวิญญัติ ยังเผยถึงการอุทธรณ์สู้คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ หลังจากที่อัยการสูงสุดคนปัจจุบันมีคำสั่งให้อัยการอุทธรณ์คดี โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการพิจารณาคดี 112 ของอัยการ มีการพิจารณาเเละมีมติ 8:2 เสียง เห็นควรไม่อุทธรณ์คดี ว่า ตนทราบว่าการอุทธรณ์ยังอยู่ระหว่างการจัดส่งหมายอุทธรณ์ แต่เมื่อวันศุกร์ที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม และไปยื่นหนังสือบอกกล่าวต่ออัยการสูงสุดว่าอำนาจที่ท่านไปฝ่าฝืนมติของคณะกรรมการที่ท่านตั้งขึ้น ไม่ว่าจะมติ 7:2 หรือมติ 8:2 ก็ตาม ท่านในฐานะที่นั่งเป็นประธาน ท่านไม่สามารถใช้อำนาจของตัวเองไปหักมติหรือฝ่าฝืนมติคณะทำงานได้ เพราะคณะทำงานถือว่าเมื่อตั้งขึ้นแล้วก็จะมีอำนาจเด็ดขาด ไม่ใช่กระบวนการตาม ป.วิอาญา  มาตรา 20 ที่อัยการสูงสุดจะใช้อำนาจพิจารณาสั่งคดีนอกราชอาณาจักร ซึ่งเรามองว่าเป็นคนละขั้นตอน เรื่องนี้ถ้าท่านจะใช้อำนาจตรงนี้ ท่านก็ไม่ควรตั้งคณะทำงานขึ้นมาแต่แรก แต่เมื่อมีคณะทำงานและมีมติออกมาแล้ว ก็ต้องเคารพมติ ซึ่งกระบวนการนี้เราเห็นว่ามันไม่ชอบและไม่ถูกต้องแต่แรก ทั้งนี้ ตนมีข้อมูลด้วยว่าอัยการสูงสุดได้ไปที่ไหนเพื่อพบกับใครอีกด้วย เราก็สงสัย และเราก็พูดไปเพื่อเตือน ซึ่งวันที่ 26 ธ.ค. ตนก็ได้เตือนเป็นหนังสือไปยังอัยการสูงสุด เพื่อขอให้ท่านทบทวนใหม่ ซึ่งหลังจากนั้น 1-2 วัน ก็มีข่าวว่าบุตรสาวของท่านไปลงสมัครกับพรรคภูมิใจไทย ฉะนั้น ข้อที่เราสงสัย และประชาชนก็เห็นว่า อัยการสูงสุดมีการดำเนินการฝ่าฝืนมติของคณะทำงาน และก็ยังใช้อำนาจตัวเอง แล้วจากนั้นลูกสาวตัวเองก็ไปลงสมัครพรรคภูมิใจไทย มันทำให้คนสงสัยว่าพวกท่านกำลังมีดีลอะไรหรือไม่ หรือท่านกำลังทำตามที่ใครขอหรือไม่

 

 

ทนายวิญญัติ เผยอีกว่า เราในฐานะผู้ได้รับผลกระทบ และเป็นทนายความของนายทักษิณ (จำเลย) เห็นว่าอัยการสูงสุดใช้อำนาจโดยไม่ถูกต้อง และไม่เป็นไปตามมติของคณะทำงาน นี่จึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อระเบียบและกฎหมายของอัยการเอง จึงขอให้ท่านได้อธิบายด้วย แต่ในทางการเมือง ก็เป็นสิทธิของลูกสาวท่านที่จะลงสมัครกับพรรคใดก็ตาม แต่มันก็ทำให้เราต่อจิ๊กซอว์ หรือคิดอะไรต่อได้ใช่หรือไม่ อย่างไรก็ดี ตอนนี้ตนต้องรอหนังสือตอบกลับจากทางอัยการสูงสุดทุกรายการที่ขอคัดถ่ายสำเนาไป เพื่อจะได้เอาเอกสารเกี่ยวกับคดี รายละเอียดมติ ข้อพิจารณาสั่งการของท่านไปตรวจดูว่าเหตุใดท่านจึงไม่เคารพ หรือไม่เอาตามมติคณะทำงาน จนเป็นเหตุมีคำสั่งให้อุทธรณ์ ท่านใช้อำนาจคนเดียวได้หรือไม่ และการที่ท่านบอกว่า เป็นการใช้อำนาจตาม ป.วิอาญา มาตรา 20 ซึ่งมันคือชั้นสอบสวนใช่หรือไม่ หรือเป็นคดีนอกราชอาณาจักร อย่างไร หากใช่ ทำไมท่านจึงตั้งคณะทำงานแต่ตอนแรก เราขอคำอธิบายตรงนี้ที่ท่านต้องตอบ โดยหากมันไม่สมเหตุสมผล เราก็สามารถใช้พิจารณาดำเนินคดีภายหลังได้ ซึ่งเราก็ต้องดูหลักฐานของเราเพื่อนำไปใช้แก้ หรืออุทธรณ์ต่อไป

 

 

ทนายวิญญัติ เผยต่อว่า ส่วนเรื่องการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายของนายทักษิณ ครั้งล่าสุด (ครั้งที่ 2) มีผลฎีกาแจ้งกลับมาหรือยังนั้น ตนขอเรียนว่า ทราบว่ายังอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาของสำนักงานราชเลขาฯ ซึ่งเราไม่อาจก้าวล่วงได้ เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ ซึ่งในฐานะปวงชน ราษฎรไทย เราก็ต้องรอไปก่อน.

แชร์ข่าว