"ทนายธรรมราช" ยื่นหนังสือถึงดีเอสไอร้องสอบปมทุจริตสอบบรรจุพนักงานส่วนท้องถิ่น หลังพบหลักฐานคลิปเสียง–รายชื่อเรียกรับเงินค่าตำแหน่ง พร้อมเรียกร้องให้ระงับการสอบทั่วประเทศวันที่ 7 ธันวาคม ชี้อาจเกี่ยวข้องกับเครือข่ายผลประโยชน์ทางการเมือง
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.68 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ทนายธรรมราช สาระปัญญา พร้อมทีมงาน ยื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และมหาวิทยาลัยชื่อดัง กรณีการสมัครเพื่อสอบแข่งขันเป็นพนักงานส่วนท้องถิ่น (มีการเรียกเก็บเงินเพื่อสมัครสอบ) และพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และโฆษกดีเอสไอ เป็นผู้แแทนรับเรื่อง
ทนายธรรมราช เปิดเผยว่า วันนี้มาขอให้ ดีเอสไอ ตรวจสอบและยกเลิกประกาศของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และมหาวิทยาลัยชื่อดัง กรณีการสมัครและสอบแข่งขันเป็นพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) ในวันที่ 7 ธ.ค.68 ทั่วประเทศ เพราะมีข้อสงสัยหลายอย่าง โดยได้รับข้อร้องเรียนจากผู้สมัครสอบ ผู้ปกครองและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงนำหลักฐานเป็นคลิปเสียงการสนทนาที่ส่อทุจริต , บัญชีรายชื่อผู้สมัครคัดเลือกเข้าเป็นราชการส่วนท้องถิ่นที่ถูกเรียกเก็บเงิน , เอกสารการสอบคัดเลือกข้าราชการท้องถิ่นครั้งนี้
ทนายธรรมราช เผยว่า สืบเนื่องจากการจัดสอบบรรจุพนักงานเป็นข้าราชการตั้งแต่ปี 66-68 ยังไม่ได้สอบบรรจุพนักงานเป็นข้าราชการของหน่วยงานท้องถิ่น อบต. เทศบาล แบะ อบจ. พบว่ามีการตระเตรียมกระทำที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับดำเนินการของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จ้างเหมามหาวิทยาลัยฯ ที่ได้รับการจัดสอบถูกล็อคสเปคหรือไม่ เพราะคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ ซึ่งมีหลายหน่วยงานยื่นโต้แย้ง แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการจนสามารถให้ผ่านไปจัดสอบได้
ทนายธรรมราช เผยอีกว่า ขั้นตอนการดำเนินงานที่ปรากฏมีข้อพิรุธหลายประการ มีการล็อคคุณสมบัติผู้ดำเนินการสอบครั้งนี้ เพื่อสามารถควบคุมผู้เข้าร่วมในการสอบ ให้ผลการสอบคัดเลือกเป็นไปตามที่ตนกำหนดเพื่อให้กลุ่มคนบางกลุ่มเข้าสู่ตำแหน่งข้าราชการท้องถิ่นแบบถาวร และเอื้อต่อการดำเนินการทั้งการยึดโยงอำนาจการเมืองของบุคคลบางกลุ่ม รวมทั้ง ผลประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้างในส่วนราชการในอนาคต และได้มีการเรียกเก็บเงินจากผู้สมัครสอบ โดยสัญญาว่าจะให้ดำรงตำแหน่งในส่วนราชการถาวร ตามบัญชีรายชื่อที่ได้สร้างเครือข่ายการเรียกรับเงินผลประโยชน์จากผู้สมัครเป็นจำนวนมาก จึงเห็นได้แจ้งชัดว่า มีกลุ่มข้าราชการ นักการเมืองได้ร่วมกันก่อให้เกิดการกระทำทุจริตที่สร้างความเสียหายแก่ชาติบ้านเมือง ระบบราชการ ระบบการปกครองอย่างร้ายแรงจริง จึงมายื่น ดีเอสไอ เพื่อขอให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน ระงับยับยั้งการกระทำทุจริตประพฤติมิชอบที่จะเกิดขึ้นอันถือว่าเป็นการก่อภัยอันตรายต่อระบบราชการ ระบบการเมืองการปกครอง ประเทศชาติและประชาชนในครั้งนี้
"คุณสมบัติมหาวิทยาลัยฯ ที่ผ่านเกณฑ์ต้องผ่านการจัดสอบมาแล้ว 5 ครั้ง มีบุคลากรประมาณ 8 หมื่นคน มีเครื่องมือตรวจสอบ แต่มหาวิทยาลัยดังกล่าวกลับได้รับเลือก โดยมีผู้สมัครสอบกว่า 4 แสนรายทั่วประเทศ ค่าสมัคร 420 บาท โควต้าทั้งหมด 15,000 อัตรา ระดับ 31 ตำแหน่ง นอกจากนี้ มีโควต้าของนักการเมืองภาคอีสาน ซึ่งติดต่อกลุ่มผู้ปกครองและผู้สมัครสอบว่ามีโควต้า 1,500 อัตรา ราคาคนละ 350,000 บาท หากรวมแล้วสูงถึง 4 พันล้านบาท นอกจากนี้ บางพื้นที่ เช่น ภาคใต้น้ำท่วมได้มีมติเลื่อนสอบจะส่งผลข้อสอบหลุดหรือไม่ เหตุใดไม่เลื่อนสอบทั้งหมดทั่วประเทศ"







