ตำรวจไซเบอร์บุกจับผู้ต้องหาชาวจีน 1 ราย พร้อมออกหมายจับเพิ่มอีก 2 หลังวิดีโอคอลข่มขู่นักศึกษาหนุ่มให้ทุบตู้เซฟแม่ นำทอง-ทรัพย์สินไปส่งจนสูญกว่า 6.8 ล้านบาท
วันที่ 24 พ.ย.68 ที่บก.สอท.2 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 1 รวบแก๊งสแกมเมอร์จีนเทา วิดีโอคอลขู่หนุ่ม 19 สั่งทุบตู้เซฟแม่ขนทรัพย์สินไปตรวจสอบ เสียหายกว่า 6.8 ล้าน
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นหนุ่มนักศึกษา อายุ 19 ปี ของมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์เข้าเบอร์มือถือส่วนตัวอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐข่มขู่ให้กลัวว่าผู้เสียหายมีความผิดต้องถูกดำเนินคดี แล้วมิจฉาชีพได้สั่งให้แอดไลน์ แล้วส่งรูปภาพ และเอกสารราชการปลอมต่างๆ ของทางราชการหลายหน่วยงาน ผู้เสียหายกลัวว่าตนเองจะถูกดำเนินคดีแล้วอาจทำให้แม่เดือดร้อนไปด้วย จึงได้หลงเชื่อแล้วทำตามที่คนร้ายสั่ง
สืบเนื่องเมื่อวันที่ 19 พ.ย.68 ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้ลาเรียนในช่วงบ่าย จากนั้นมิจฉาชีพสั่งให้เปิดที่พักเพื่อให้อยู่เพียงลำพังเพื่อสะดวกในการหลอกลวงและไม่ให้คนอื่นรู้เห็น แล้วได้บังคับให้วิดีโอคอลตลอดเวลา โดยคนร้ายขู่ว่าหากวิดีโอคอล หลุด 5 วินาที หรือ 10 วินาที จะถูกโดนดำเนินคดีทันที จากนั้นได้สั่งให้ผู้เสียหายโอนเงินรวมทั้งนำทรัพย์สินไปส่งให้ตรวจสอบ ดังนี้ 1.โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของ นายประสิทธิ์ จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงิน 6,128 บาท 2.สั่งให้รื้อทรัพย์สินในตู้เซฟของแม่แล้วนำทรัพย์สิน 7 รายการ ได้แก่ ทองคำแท่ง น้ำหนักรวม 50 บาท, สร้อยทองคำรูปพรรณ จำนวน 3 เส้น, แหวนทองฝังเพชร จำนวน 7 วง, กำไลข้อมือฝังเพชร จำนวน 1 ชิ้น, สร้อยทองคำฝังเพชร จำนวน 1 ชิ้น, พระเหลี่ยมกรอบทองคำ จำนวน 5 องค์ และ แหวนทองคำทับทิม จำนวน 1 วง รวมมูลค่ากว่า 6,641,000 บาท เดินทางจากพื้นที่สมุทรปราการ ไปวางให้คนร้ายในพื้นที่ เขตเทศบาลบางพลับ จ.นนทบุรี,3. โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของ น.ส.อัสมา จำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 148,997 บาท ,4. โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของ น.ส.กานต์รวี จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงิน 49,997 บาท รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 6.8 ล้านบาท
พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่าบช.สอท. และ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิศรุตม์ จันทร์สุวรรณ ผกก.1 บก.สอท.2 และ พ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจนกูร ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ นำกำลังชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.2 และ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและพยานหลักฐาน ตามจุดต่างๆ รวมทั้งสั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่ง สามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการได้แล้วหลายราย
โดยพ.ต.ท.โรจน์ศักดิ์ นัยผ่องศรี รอง ผกก.1 บก.สอท.2 และ พ.ต.ท.ชยกฤต จันหา สว.กก.1 บก.สอท.2 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัด และ ชุดสืบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ติดตามจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน ชื่อ นายฉิน ห่าว อายุ 31 ปี หนึ่งในขบวนการได้สำเร็จโดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. เบื่องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือ รับของโจร”
จากการจับกุม นายฉิน ห่าว อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผล จนทราบว่ามีคนร้ายเพิ่มเติมอีกจำนวน 3 ราย เป็นคนจีนทั้งหมด รวมทั้งมีชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยให้การช่วยเหลือ จัดหาที่พัก หายานพาหนะและนำทรัพย์สินไปขาย ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาชาวจีน ได้เพิ่มเติมอีก จำนวน 2 ราย ได้แก่ MR.HUANG และ MR.ZHANG พร้อมตรวจยึด/อายัดทรัพย์สิน ได้หลายรายการ เช่น 1.ทองคำแท่ง หนัก 20 บาท จำนวน 2 แท่ง, หนัก 10 บาท จำนวน 1 แท่ง , ทองหลอม 2 ก้อน รวมมูลค่าประมาณ 3.5 ล้านบาท 2.โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง 3.รถยนต์ ยี่ห้อ TOYOTA สีดำ จำนวน 1 คัน 4.รถยนต์ ยี่ห้อ mercedes benz สีดำ จำนวน 1 คัน
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนขยายผลและตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีรวมทั้งติดตามทรัพย์สินของผู้เสียหายกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดโดยเร็วต่อไป
พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่าตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. และ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1 นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ และ ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว ฝากเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และบุตรหลานที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ซึ่งปัจจุบันกำลังตกเป็นกลุ่มเป้าหมายของมิจฉาชีพ ขอให้จดจำไว้ว่า เจ้าหน้าที่รัฐไม่มีการโทรหรือวิดีโอคอลให้โอนเงินเงินใดใดทั้งสิ้น หากไม่แน่ใจ ขอให้ติดต่อไปยังช่องทางติดต่ออย่างเป็นทางการของหน่วยงานรัฐนั้นๆ หรือ โทรปรึกษาศูนย์ AOC 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ขอให้ระมัดระวังและติดตามพฤติกรรมผิดปกติของบุคคลในครอบครัว อาทิ การรับสายจากเบอร์ต้องสงสัย การเก็บตัว การคุยแชท โทรพูดคุย หรือวิดีโอคอลนานจนผิดปกติ การใช้จ่ายหรือโอนเงินจำนวนมากผิดปกติ เป็นต้น หากตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โทร 1441 หรือ แจ้งความออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง








