ประชาสัมพันธ์

โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส ฉลองครบรอบ 10 ปี ตอกย้ำความเป็นเป็นผู้นำด้านบริการอาหาร และ IFM แบบครบวงจร

แชร์ข่าว

โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส ฉลองครบรอบ 10 ปี ตอกย้ำความเป็นเป็นผู้นำด้านบริการอาหาร และ IFM แบบครบวงจรด้วยโซลูชันอัจฉริยะและความยั่งยืน

วันที่ 4 ธันวาคม 2568 บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด ฉลองครบรอบ 10 ปี พร้อมตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำด้านการบริการอาหาร และบริหารอาคารแบบครบวงจร (Integrated Facilities Management: IFM) ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ครอบคลุมอมตะซิตี้ ชลบุรี และอมตะซิตี้ ระยอง ปัจจุบันให้บริการลูกค้ามากว่า 95 บริษัท สะท้อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนตลอดทศวรรษที่ผ่านมา

 

โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ผู้นำระดับโลกด้านบริการอาหารที่ยั่งยืนและการมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าในทุกช่วงเวลาของชีวิตจากประเทศฝรั่งเศส และ อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาและบริหารนิคมอุตสาหกรรมในไทยและต่างประเทศ ทั้งสององค์กรผนึกกำลังด้านความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และบุคลากรมืออาชีพ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพงานบริการลูกค้าในนิคมฯ ในบริการด้านอาหาร บริหารวิศวกรรมอาคารและช่างซ่อมบำรุง นวัตกรรมอัจฉริยะ รักษาความปลอดภัย ทำความสะอาด รวมถึงโซลูชันอื่นๆที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้พนักงานในองค์กรคู่ค้าอย่างครบวงจร

 

นายฌ็อง-โกลด ปวงเบิฟ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีที่ไทยและฝรั่งเศสร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันยาวนานครบ 340 ปี โซเด็กซ์โซ่ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จของบริษัทฝรั่งเศสที่เข้ามาลงทุนและเติบโตเคียงข้างกับองค์กรชั้นนำในเครืออมตะในประเทศไทยอย่างยั่งยืน ความสำเร็จนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและคุณภาพการให้บริการเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศในภาคอุตสาหกรรมและบริการอีกด้วย นับเป็นสิ่งสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทของภาคเอกชนในการสานต่อมิตรภาพและสร้างคุณค่าร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างไทยและฝรั่งเศส”

 

นายอาร์โนด์ เบียเลคกิ กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โซเด็กซ์โซ่ กล่าวว่า  “ด้วยประสบการณ์ระดับโลกเกือบ 60 ปี ใน 43 ประเทศ และกว่า 21 ปี ในประเทศไทย โซเด็กซ์โซ่ยึดมั่นในการยกระดับมาตรฐานด้านบริการอาหารและบริหารจัดการอาคารแบบครบวงจร (IFM) ความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับ อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส ทำให้เราสามารถพัฒนามาตรฐานใหม่ของการให้บริการ โดยผสานเทคโนโลยี ระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และทีมงานที่มีความคล่องตัว เพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ บริหารต้นทุนได้อย่างคุ้มค่า แต่ยังคงยึดมั่นในมาตรฐานด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และคุณภาพระดับสากล  โดยความสำเร็จนี้สะท้อนให้เห็นถึงตลอด  10 ปีผ่านมา ที่เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม และเราจะเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต”

 

เทคโนโลยีอัจฉริยะและการขับเคลื่อนความยั่งยืน โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส ขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง อาทิ

● Amata Command Center (ACC) ศูนย์บริหารจัดการนิคมฯ ตลอด 24 ชั่วโมง เชื่อมต่อระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรอย่างระบบ  Fire Alarm Monitoring

● การใช้พลังงานแสงอาทิตย์และมาตรการลดการใช้พลังงานภายในนิคมฯ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายคาร์บอนต่ำ

● การใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (EV) เพื่อสนับสนุนการคมนาคมในนิคมฯ แบบ Low-Carbon

● การวัดและติดตามคาร์บอนฟุตพรินต์ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกพื้นที่บริการ

● เสริมทีมบริการอาหาร เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการโรงอาหาร การควบคุมคุณภาพ และความปลอดภัยด้านอาหารในทุกไซต์งาน

● พัฒนาทักษะบุคลากรอย่างต่อเนื่องผ่านโปรแกรมฝึกอบรมและ Upskill–Reskill

● แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานด้วยเทคโนโลยี นำเครื่องมืออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยลดงานที่ต้องใช้แรงคน พร้อมรักษามาตรฐานการบริการให้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม

 

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความร่วมมือกับผู้นำระดับโลกและผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการครบวงจรอย่างมืออาชีพถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอมตะ ขณะที่เราก้าวหน้าและพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะครบวงจรทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ บริการเหล่านี้เป็นเสาหลักสำคัญสำหรับนักลงทุนที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในอมตะ รวมถึงสนับสนุนการเติบโตระยะยาวและความสำเร็จอย่างยั่งยืนของผู้ประกอบการ สำหรับ โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่แสดงให้เห็นมาตรฐานความเป็นเลิศที่ช่วยเสริมรากฐานในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปข้างหน้า เราช่วยยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายการลงทุนชั้นนำ สร้างคุณค่าในระยะยาว และสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในตลาดโลก”

 

 

แชร์ข่าว