เมื่อวันที่ 24 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก โรงแรม รอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง กรุงเทพฯ ว่า สถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย ร่วมกับ Konrad Adenauer Stiftung ได้จัดงานเสวนาวิชาการครั้งสำคัญในหัวข้อ "AI กับ อนาคตรัฐบาลดิจิทัล: สู่การยกระดับมาตรฐานบริการภาครัฐ 2025 (AI and the Future of Digital Governance: Advancing Public Service Transformation in 2025)" เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและรวบรวมข้อเสนอเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่รัฐบาลดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)
- เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความเห็น
งานเสวนาฯ ได้รับเกียรติจาก ดร. ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย แสดงวิสัยทัศน์ AI และ Digital Platform กับ การยกระดับการบริการภาครัฐ และกล่าวต้อนรับโดย ดร.ประเสริฐ พัฒนผลไพบูลย์ ผู้อำนวยการ สถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย
การเสวนาครั้งนี้ได้รวบรวมผู้กำหนดนโยบาย ผู้แทนจากกระทรวงและหน่วยงานที่รับผิดชอบรัฐบาลดิจิทัล ผู้ปฏิบัติงานภาครัฐ ผู้ประกอบการเทคโนโลยี นักวิชาการ และตัวแทนภาคประชาสังคม มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองอย่างเข้มข้น
วิทยากรผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย: นางสาวศนิ จิวจินดา ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายจตุรวิทย์ นิโรจน์ธนรัฐ รองนายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์, นาย เปรมชาย จงเจริญ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์ดิจิทัล สำนักดิจิทัลกรุงเทพมหานคร, นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการ กทม. และโฆษก กทม. และ ดร.บุรเทพ โชคธนานุกล สถาบันวิจัยประชาการและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
นอกจากนี้ นายพลรักษ์ รักษาพล อดีตคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และ รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เดินทางมาร่วมรับฟังการเสวนาด้วย
- AI พลิกโฉม "รัฐบาลดิจิทัล"
เนื้อหาในวงเสวนาเน้นย้ำว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ก้าวข้ามจากการเป็นเครื่องมือทางเทคนิคเฉพาะทาง มาเป็น เทคโนโลยีที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างการบริหารภาครัฐ การนำ AI มาใช้จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มประสิทธิภาพ แต่เป็นการสะท้อนแนวโน้มใหม่ของ "รัฐบาลดิจิทัล" ที่เปลี่ยนบทบาทของรัฐจาก "ผู้ให้บริการแบบรวมศูนย์" ไปสู่ "ผู้ออกแบบระบบบริการสาธารณะที่มีฐานบนข้อมูลและเทคโนโลยี"
มีการยกตัวอย่างความสำเร็จของประเทศต่างๆ เช่น เอสโตเนีย สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่แสดงให้เห็นว่า AI สามารถ ลดความซ้ำซ้อนของระบบราชการ เสริมความโปร่งใส และ ยกระดับคุณภาพบริการสาธารณะ ให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างทันท่วงที
- ความคืบหน้าและอุปสรรคในไทย
ประเทศไทยได้ดำเนินงานภายใต้แนวนโยบาย “Thailand 4.0” และ “Digital Government Development Plan” รวมถึงการออก “แผนยุทธศาสตร์ปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ พ.ศ. 2565–2570” ที่วางรากฐานสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI และกรอบจริยธรรมการกำกับดูแล โดยมี สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) เป็นแกนหลักในการจัดตั้ง แพลตฟอร์มกลางของรัฐ เพื่อสร้างมาตรฐานข้อมูลและลดการพัฒนาแบบแยกส่วน
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านยังเผชิญความท้าทายหลายด้าน ได้แก่ ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล, การขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี, การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ ความจำเป็นในการสร้างความไว้วางใจ ให้ประชาชนเชื่อมั่นต่อการใช้ AI ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย
- กรณีศึกษา : กรุงเทพมหานคร
กรุงเทพมหานคร (BMA) ถูกนำมาเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนความพยายามของหน่วยงานท้องถิ่นในการใช้ AI ยกระดับคุณภาพชีวิต เช่น:
ระบบบริหารจัดการจราจรด้วย AI (AI Traffic Control System) เพื่อวิเคราะห์และปรับสัญญาณไฟจราจรลดความแออัด
แพลตฟอร์ม BMA OSS (One Stop Service) สำหรับบริการประชาชนแบบดิจิทัลครบวงจรในการยื่นคำขอและติดตามสถานะ
แพลตฟอร์ม “Traffy Fondue” กลไกส่งเรื่องร้องเรียนของประชาชนไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยอัตโนมัติ
การดำเนินการเหล่านี้เป็นก้าวแรกของ “มหานครดิจิทัล” แต่ก็ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเสริมโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล การฝึกอบรมบุคลากร และการจัดทำแนวปฏิบัติด้านจริยธรรมและความเป็นส่วนตัวให้รัดกุมยิ่งขึ้น
การเสวนาในครั้งนี้จึงถูกมองว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการ สร้าง “ระบบนิเวศของความไว้วางใจ” และกำหนดแนวทางเชิงนโยบายที่ชัดเจน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่รัฐบาลดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมอย่างยั่งยืน








