บทความการเมือง

“กองทัพไทย” รุกฆาต “กัมพูชา” ขยี้ให้ “สิ้นสภาพ” ทางทหาร ! จับสัญญาณ “จีน”ผ่าน “หลิว จงอี้”

แชร์ข่าว

การมาเยือนไทยของ “หลิว จงอี้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยพบกับ "พล.อ. ดิเรก บงการ" หัวหน้าศูนย์ประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.68 ที่ผ่านมา กลายเป็นความเคลื่อนไหวที่กำลังถูกจับตามอง

เมื่อหลิว จงอี้ คือตัวแทนรัฐบาลจีน มาเยือนไทยในยามที่ “ศึกเขมร” ประชิดเมือง ตลอดแนวชายแดนไทย 7 จังหวัด ตั้งแต่อีสานไปจนถึงตะวันออก  และอย่าลืมว่า จีนคือ “ชาติมหาอำนาจ” ในปีกโลกตะวันออก  ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ “สหรัฐฯ” มหาอำนาจชาติตะวันตก

ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา  ที่ยืดเยื้อจนเข้าสู่จุดปะทะด้วยอาวุธหนัก ระลอกที่ 2 กินเวลานานกว่า 10 วัน หากนับจากวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทหารไทยสละชีพไปแล้วกว่า 20ราย ซึ่งบางรายยังไม่สามารถนำร่างออกจากมาจากเนิน 350 ได้   ปฏิบัติตอบโต้ตามสัดส่วน  ของทหารไทย ที่ยึดการปกป้องอธิปไตย และป้องกันการรุกรานจากกัมพูชา ที่เล่นบท “เหยื่อ” บนเวทีโลก ก็นับว่าเป็น “ความกดดัน” ที่ทั้ง “กองทัพไทย” และ “กระทรวงการต่างประเทศ” ต้องเผชิญ

แต่ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังมีภาพเชิงซ้อน ของ2 ชาติมหาอำนาจ ที่ต่างพยายามเข้ามามีส่วนร่วม มีบททบาทในไทย ไปจนถึงกัมพูชา ดังนั้นอีกด้านหนึ่ง ทั้งไทยแลมกัมพูชา จึงไม่ได้แค่ขัดแย้งกัน2 ประเทศโดยที่ละทิ้งการมองกลับไปท่าที ของ ทั้งสหรัฐฯและจีนได้เช่นกัน

ก่อนหน้านี้ เกิดประเด็นที่ทำเอา “สถานทูตจีน” ต้องออกมาชี้แจง เรื่องยุทโธปกรณ์ ที่ทหารไทยยึดได้หลังเข้าเคลียร์พื้นที่ โดยทหารไทยสามารถยึดระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถียุคที่ 5 รุ่น GAM-102LR สัญชาติจีน จากทหารกัมพูชาบนเนิน 500 พื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.68 ได้เป็นจำนวนมาก

จนกลายเป็นประเด็นว่าอาวุธชนิดนี้ จีนขายให้กัมพูชา เพื่อมาใช้ยิงถล่มไทยอย่างนั้นหรือ และหากเป็นเช่นนั้น ความเป็น “มิตร” ระหว่างสองประเทศนั้นมีจริงหรือไม่

ต่อมา เพจเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยออกมาโพสต์คำกล่าวของ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่าจีนได้มีความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศตามปกติกับทั้งไทยและกัมพูชาในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้มุ่งเป้าไปยังประเทศที่สาม และไม่เกี่ยวข้องกับการปะทะในชายแดนไทย-กัมพูชา

หมายความว่า จีนไม่ได้ส่งอาวุธให้กัมพูชา !

ทั้งนี้การมาเยือนไทยของหลิว จงอี้ ยังได้หารือกับ พล.อ.ดิเรก และมีความเห็นว่า “รัฐบาลกัมพูชา” มีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับ “ขบวนการสแกมเมอร์”ในหลายมิติ

“ ดังนั้นจึงขอให้ทั้งสองประเทศได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาและมาตรการที่เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง ในการดำเนินการ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและเสถียรภาพในภูมิภาค”

แน่นอนว่าท่าทีของหลิว จงอี้ ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนรัฐบาลจีน ชี้ชัดว่ากัมพูชา มีผลประโยชน์กับขบวนการสแกมเมอร์ แต่อย่าลืมว่าจีนระบุถึง “ปัญหา” ที่จีนเองพยายามแก้ไข และพา คนของตัวเองที่ทำผิดที่เมียนมา กลับไปลงโทษมาแล้ว ส่วนปัญหาระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา หลิวจงอี้ ไม่ได้ระบุถึง

แต่ขณะเดียวกัน มีการตั้งข้อสังเกตจากท่าทีของหลิว จงอี้ มือปราบสแกมเมอร์ของจีนว่า มีระยะห่างกับ กัมพูชาแล้วหรือไม่ !?

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ ทางการจีนแสดงท่าทีผ่านเพจสถานทูตจีน ย้ำว่า ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านและมิตรของทั้งไทยและกัมพูชา จีนได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด และขอแสดงความเสียใจและความห่วงใยอย่างยิ่งต่อการเสียชีวิตและการบาดเจ็บของประชาชนทั้งสองประเทศ

“ ไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่ย้ายออกไม่ได้ จีนมีสุภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า อยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยความเป็นมิตรและมีเมตตา ถือเป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศเอง”

และยังย้ำว่า จีนหวังว่าทั้งไทยและกัมพูชา จะหยุดยิง หยุดการสู้รบ คุ้มครองพลเรือน

แน่นอนว่า ท่าทีของมหาอำนาจ เช่นจีนที่ส่งสัญญาณเช่นนี้ ย่อมแตกต่างจาก สหรัฐ ฯ และมาเลเซียที่ ทำให้คนไทยรู้สึกว่า เอนเอียงไปถือข้างกัมพูชามากกว่าไทยก็ตาม  แต่เมื่อวันนี้ สถานการณ์การสู้ระหว่าง ไทยกับกัมพูชา เดินหน้าล่วงเข้าสู่วันที่ 11  โดยที่ฝ่ายไทยไม่เพียงแต่ดำเนินภารกิจ “ปกป้องอธิปไตย” เท่านั้น แต่ยังลิดรอนขีดความสามารถการรบ  ตัดแขนขา ทำลายตึกคาสิโน ซึ่งทหารกัมพูชา ใช้เป็นฐานรบและคลังอาวุธ พร้อมกับ ตัดเส้นทางลำเลียงยุทธปัจจัย โดยเฉพาะน้ำมัน

ทั้งนี้หากดูจากท่าทีของ “บิ๊กเล็ก”  พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม  ที่บอกชัดเจนว่า หากกัมพูชา ต้องการ “หยุดยิง” สามารถทำได้เลย ไม่ใช่ “พูดแต่ปาก” แต่หน้าแนว ยังรบกับทหารไทยอยู่ทุกวัน

“ที่ผ่านมาจึงพยายามแสดงท่าทีให้เกิดการเจรจา แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบรับ แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงวันนี้ก็ต้องเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อไป เพื่อให้ไปกัมพูชาสิ้นสุดการเป็นปรปักษ์ เข้าใจเข้าใจหรือยัง ที่กองทัพบกใช้คำว่าให้กัมพูชาสิ้นสุดสภาพทางทหาร” บิ๊กเล็ก ระบุ

สถานการณ์ การรบที่ยืดเยื้อระหว่างไทยกับกัมพูชา จนถึง ณ เวลานี้ ดูเหมือนว่า กองทัพไทยจะต้องได้เห็น กัมพูชาเป็นฝ่ายหยุดยิง ประกาศให้ชัดเจน และเป็นที่ประจักษ์  โดยที่ปฏิบัติทำให้ “กองทัพเขมร” สิ้นสภาพทางการทหาร กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด อย่างที่เห็น !