บทความการเมือง

“แม่น้ำร้อยสาย” มุ่งหน้า “ภูมิใจไทย” ศึกนี้ต้องชนะ ! ฝันขึ้นแท่น “พรรคอันดับหนึ่ง”

แชร์ข่าว

ความเคลื่อนไหวที่พรรคสีน้ำเงิน คึกคักและมีสีสันยิ่งนัก  “ภูมิใจไทย” เปรียบเสมือน “แม่เหล็ก” ทางการเมือง  เพราะบรรดา “กลุ่มก๊วน” ตลอดจน “พรรคการเมือง”ระดับตำนาน อย่าง “ชาติไทยพัฒนา” ยังตบเท้าเข้าพรรคครบถ้วนทั้ง 10 อดีตสส.

การบ้าน หนักหนาสาหัส แค่ไหน  แต่เรื่องของ “การเมือง” ต้องเดินหน้าไปควบคู่กันไป แม้จะเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปยัง “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่นั่งรักษาการเวลานี้ว่า ยังมีเวลาไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร และกลุ่มการเมืองที่พาเหรดเข้าพรรคได้ ในยามที่บ้านเมืองลุกเป็นไฟ

ภายหลังการตัดสินใจประกาศยุบสภาฯ ของนายกฯอนุทิน เมื่อกลางดึก วันที่ 11 ธ.ค.68 ที่ผ่านมา ถูกตั้งข้อสังเกตว่า จากนี้ไปการบ้านจะเป็นเรื่องของ “กองทัพ” เพราะผู้นำรัฐบาลให้อำนาจเต็มไปแล้ว และวันนี้ “การทหาร” นำ “การเมือง”

จากนั้น เมื่อการยุบสภาฯมีขึ้น ความชัดเจนว่า “ใคร” จะอยู่หรือ “ไป”  ยิ่งแจ่มชัดมากขึ้นอย่างที่เห็น เมื่อตลอดทั้งวัน พรรคภูมิใจไทยเปิดบ้านต้อนรับ “สมาชิกใหม่” อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ “ผูกเสี่ยว” กันเอาไว้มาก่อนหน้านี้

ไม่ว่ะจะเป็น “กลุ่ม16” ของ “สุชาติ ชมกลิ่น”  ,กลุ่มของ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” นำทีมอดีตสส.สุดซอยเข้าสังกัด , "ท็อป" วราวุธ ศิลปอาชา นำสส.ทั้งหมดของพรรค มาสวมเสื้อสีน้ำเงินอย่างเป็นทางการ แถมยังต้องติดตามลุ้นกันอีกช็อตว่า วราวุธ จะมีชื่อเป็น 1 ใน 3แคนดิเดตนายกฯของภูมิใจไทย ด้วยหรือไม่

และที่ฮือฮา ที่สุดของวันนี้ คือการเปิดตัวของ “นายกเบี้ยว” กฤษฎา หลีนวรัตน์ อดีตนายกเทศมนตรีธัญบุรี พร้อมด้วย “มนัสนันท์ หลีนวรัตน์”  อดีต สส.ปทุมธานี  พรรคเพื่อไทย ถือเป็น “บ้านใหญ่ธัญฯ” จ.ปทุมธานี  ที่มีความสนิทสนมกับ “ ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ อย่างมาก เท่ากับว่า นายกเบี้ยว ทิ้งเพื่อไทย แล้วเดินเข้าสู่ชายคาของพรรคคู่แข่งอดีตนายกฯทักษิณ ไปเรียบร้อยแล้ว

 แน่นอนว่าภาพการเคลื่อนไหวของ พรรคภูมิใจไทย ที่วันนี้กลายเป็น “ศูนย์รวมบ้านใหญ่” เสมือน “แม่น้ำร้อยสาย” มาบรรจบกัน แม้จะดูย้อนแย้งกับผลการสำรวจของโพลสำนักต่างๆ ที่ออกมาในทิศทางที่ว่า ประชาชน ยังไม่มี “ตัวเลือก” ที่ดีมากพอ ที่จะขึ้นอันดับ 1 ไปทำหน้าที่นายกฯคนใหม่ หรือแม้แต่โพลบางสำนัก ชี้ว่า “กระแส” ของพรรคภูมิใจไทย กับ “พรรคประชาชน” จับมือกัน “ลดลง”  ก็ตาม

แต่เพราะพรรคภูมิใจไทย ซึ่งทำการเมืองในลักษณะของการ “ยึดฐานเสียง” ระดับ “เขตเลือกตั้ง” เป็น “ตัวตั้ง” มาตั้งแต่แรก จึงไม่ได้เลือกให้น้ำหนักกับ “กระแส” เหมือนกับ “พรรคส้ม” และพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ผลลัพธ์น่าพอใจ หลังจากที่ ส่ง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เข้ามานั่ง “หัวหน้าพรรคคนใหม่”

เพราะสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวะของการฟื้นตัว กู้ชีพจรในระยะเร่งด่วน จึงมีเพียง “กระแสอภิสิทธิ์” เท่านั้นที่จะใช้ได้ผล แต่พรรคก็จะไปเจอกับปัญหา การสู้ในเขตเลือกตั้ง

ดังนั้นเท่ากับว่าพรรคภูมิใจไทย จึงเลือกที่จะทุ่มสรรพกำลังไปที่ “สส.เขต” โดยไม่จำเป็นต้องเทสรรพกำลังไปที่ “สส.ปาร์ตี้ลิสต์” จึงไม่ต้องแปลกที่จะนายกฯอนุทิน หรือแม้แต่ แกนนำพรรคภูมิใจไทย เองไม่ได้แสดงความกังวลไม่ว่าโพลหลายสำนักจะสะท้อนความพึงพอใจ ในรายภาคอย่างไรก็ตาม

การเลือกเล่นใน “สนาม” ที่มีความพร้อม และมั่นใจใน “ความได้เปรียบ” ที่พรรคภูมิใจไทย สะสมมาตลอดระยะเวลา 2เดือน ผ่านการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย  พร้อมกับการมี “บ้านใหญ่” เพื่อรับหน้าที่ “บริหารจัดการ” เขตเลือกตั้ง จึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็น

เพราะการมาของ บรรดา “บ้านใหญ่” ย่อมมาพร้อมกับ “เสบียง” ส่วนที่สุดแล้ว พรรคภูมิใจไทยจะ “ก้าวกระโดด” ดีดตัวเองขึ้นไปสู่ “พรรคอันดับหนึ่ง” ได้หรือไม่ นาทีนี้ อย่าเพิ่งรีบฟันธง !!