สถานการณ์การเมืองไทย ณ วินาทีนี้ต้องบอกว่า "เดือดระอุถึงขีดสุด" หลัง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ชิงยื่นทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 11 ธันวาคม 2568!
โดยประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ผมขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนครับ”
นี่คือการตัดสินใจที่เรียกว่า "หักดิบ" คู่ขัดแย้ง และเป็นการล้มกระดานกลางอากาศเพื่อตัดเกมการเมืองที่ถูกบีบจากพรรคแกนนำฝ่ายค้านอย่าง "พรรคประชาชน"หัวใจของวิกฤตครั้งนี้คือ "การแก้ไขรัฐธรรมนูญ" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นร้อนที่มาตรา 256/28 ซึ่งเป็นมาตราที่ชี้ชะตาอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. พรรคประชาชน ยืนยันหนักแน่นตามหลักการและ MOA ที่ทำไว้ว่า ต้องตัดอำนาจ สว. 1 ใน 3 ออกไปจากการเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นเรื่อง "ที่ต้องเกิดขึ้นจริง" ไม่ใช่แค่ "เพ้อฝัน" ฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่พรรคภูมิใจไทยของอนุทิน ให้รักษาสัญญา
แต่ล่าสุด ท่าทีของภูมิใจไทยกลับ "พลิกกลับ" ไปสนับสนุนการคงอำนาจ สว. 1 ใน 3 ไว้ตามร่างกรรมาธิการเสียงข้างมาก โดยให้เหตุผลว่า หากตัดอำนาจ สว. ไปแล้ว สว. จะตีตกร่างทั้งฉบับในวาระ 3 ทำให้กระบวนการล้มเหลวทั้งหมดเมื่อผลโหวตในสภาออกมาว่าเสียงข้างมากเลือกที่จะ คงอำนาจ สว. 1 ใน 3 ไว้ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ก็ออกโรงมาเปิดเกมแลกแบบไม่ไว้หน้า! เขาประกาศกร้าวว่า หากมติรัฐสภาย้อนกลับไปใช้ร่างเสียงข้างมาก ฝ่ายค้านจะ "ไม่เชื่อใจจริง ๆ" ในความพยายามแก้รัฐธรรมนูญของภูมิใจไทย และจะใช้ไพ่ใบสุดท้าย คือ ถ้าผลโหวตมาตรานี้ย้อนมติรัฐบาล... ในฐานะฝ่ายค้านเสียงข้างมาก ผมต้องขอให้นายกรัฐมนตรี 'ยุบสภา'
นอกจากนี้ พรรคประชาชนยังส่งสัญญาณว่า หากแพ้โหวตในมาตราดังกล่าว จะ ยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะทันที!แรงกดดันดังกล่าวถือเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอนุทิน ซึ่งเป็น "รัฐบาลเสียงข้างน้อย" ที่จำเป็นต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากพรรคประชาชนให้มาเป็นนายกรัฐมนตรี หากพรรคประชาชนถอนการสนับสนุนและเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลก็จะถึงคราสิ้นสุดลงทันที
อนุทินจึงต้อง "ชิงยุบสภา" ก่อนที่ฝ่ายค้านจะเปิดอภิปราย ซึ่งถือเป็นการ "หักมติ" และล้มโต๊ะเพื่อไม่ให้พรรคประชาชนมีโอกาสได้เปิดสภาฯ และใช้กลไกทางสภามาโค่นล้มรัฐบาลแหล่งข่าวจากกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยชี้แจงว่า การยุบสภาครั้งนี้คือการ "แสดงความรับผิดชอบ" ที่ไม่สามารถทำภารกิจตามที่พรรคประชาชนต้องการได้สำเร็จ และยังถือเป็นการ "ทำภารกิจหลักตามข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาล คือให้มายุบสภาผู้แทนราษฎร"
หากมีการโปรดเกล้าฯยุบสภาลงมา การเมืองไทยจะเข้าสู่โหมดเลือกตั้งใหม่อย่างเต็มตัว ซึ่งการตัดสินใจของนายอนุทินในครั้งนี้เป็นการยุติความตึงเครียดในสภา สกัดไม่ให้พรรคประชาชนไปร่วมโหวตไม่ไว้วางใจกับพรรคเพื่อไทย และในมุมมองของพรรคภูมิใจไทยคือการ พิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญ 60 ไว้ด้วยนั่นเอง
#ยุบสภา2568 #อนุทิน #พรรคประชาชน #ภูมิใจไทย #การเมืองไทย #เลือกตั้งใหม่ #แก้รัฐธรรมนูญ #สว








