ศึกน้ำท่วมใหญ่ 9 จังหวัดภาคใต้เพิ่งเริ่มลด ปรากฏว่า “ศึกเขมร” กลับมาปะทุ ไปถึงขั้น “ปะทะ” รอบใหม่ ทำเอารัฐบาล ยังไม่ทันได้พักหายใจ !
ก่อนหน้าน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ รัฐบาล “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่ในภาวะที่เรียกว่าต้องเฝ้าระวังมาโดยตลอด
เมื่อกัมพูชา ไม่เคยสนใจข้อตกลงใดๆการเจรจาบนโต๊ะ ต่อหน้านานาประเทศแทบไม่มีความหมาย การละเมิดข้อตกลงยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยมี ความสูญเสีย “ขาที่7” ของทหารที่เหยียบทุ่นระเบิดเป็นหลักฐาน
เหตุการณ์เข้าสู่ภาวะตึงเครียด อีกครั้งเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.68 เกิดการปะทะจุดแรกที่ "ภูผาเหล็ก–พลาญหินแปดก้อน" จ.ศรีสะเกษ
ทหารไทยถูกทหารกัมพูชา ยิงปืนเข้าใส่ได้รับบาดเจ็บ ที่ขา 1นาย และอก 1นาย แต่ไม่เสียชีวิต เนื่องจากทหารไทยเสื้อเกราะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้รับบาดเจ็บเกิดเป็นรอยช้ำขนาดใหญ่ที่บริเวณหน้าอก ซึ่งหากไม่มีเสื้อเกราะสวมใส่จะกลายเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่
ต่อมา ในวันเดียวกัน ของวันที่ 7 ธ.ค. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงปืนเข้าฝั่งไทย เมื่อตอน 20.00 น. ในพื้นที่ภูผาเหล็ก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมๆกับ พบความเคลื่อนไหวของกัมพูชา เคลื่อนย้ายอาวุธหนัก เข้าประจำการในพื้นที่ ตลอดทั้งคืน เครื่องยิงจรวดหลายตัว RM-70 ,จรวดหลายลำกล้อง BM-21
และเช้ามืดวันนี้ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ทหารกัมพูชา เปิดฉากยิงที่ ช่องอานม้าจ.อุบลราชธานี แต่ที่ปะทะกันหนัก อยู่ที่ ช่องบก กัมพูชายิงอาวุธหนักใส่ฐานไทย ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 4 นาย ในที่สุดกองทัพอากาศไทย ตัดสินใจใช้ F-16 ทิ้งระเบิด 3 จุดเพื่อทำลายฐานของทหารกัมพูชา
การปะทะครั้งนี้ ระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา มีความรุนแรงและชัดเจนว่ามีแนวโน้มว่า ฝ่ายไทยโดยกองทัพ ได้ไฟเขียวจาก “นายกฯอนุทิน” ให้ลุยเต็มที่
นอกจากนี้ ทางด้านบิ๊กทหาร “พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์” เสนาธิการทหารบก ระบุว่า “เป้าหมายคือกองทัพบกจะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา”
ขณะเดียวกัน นายกฯอนุทิน นำผู้บัญชาการเหล่าทัพ แถลงการณ์ ยืนยันไทยปกป้องสิทธิ์ จะมีปฏิบัติการทางทหารในทุกกรณีตามเงื่อนไขของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ ประเทศไทยไม่เคยเป็นฝ่ายริเริ่มหรือรุกรานแต่อย่างใด แต่ประเทศไทยจะไม่ยอมให้มีการล่วงละเมิดอธิปไตย และจะดำเนินการอย่างมีเหตุมีผล รอบคอบ และยึดหลักสันติภาพ ความมั่นคง และมนุษยธรรมเป็นสำคัญ”
แถลงการณ์ของนายกฯอนุทิน คือการซัพพอร์ต กองทัพให้เดินหน้าเปิดปฏิบัติการตอบโต้ ดำเนินการได้เต็มที่ สถานการณ์การปะทะที่แนวรบชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ แม้อำนาจเต็มจะอยู่ในมือกองทัพ ก็ตาม แต่อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ “ความหวัง” ที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลอนุทิน ย่อมแตกต่างไปจากเมื่อคราว “รัฐบาลเพื่อไทย”
มารอบนี้ นายกฯอนุทินไฟเขียวให้อำนาจเต็มกองทัพ รวมทั้งยังย้ำด้วยว่า “ไม่เจรจา” กับ “ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯอีก ปกป้องอธิปไตยไทยเต็มที่
ภารกิจในฐานะ “สร.1” ของนายกฯอนุทิน ในฐานะผู้นำรัฐบาล กำลังเริ่มนับถอยหลัง หากยึดเอา ตาม MOA ที่ทำเอาไว้กับ “พรรคประชาชน” การประกาศยุบสภาฯ จะต้องมีขึ้นในวันที่ 31 ม.ค.2568 แต่ในทางการบริหารแล้ว ต้องถือว่านี่คือความท้าทายที่จะเป็น “สัญญาณ” สะท้อนได้ว่า หลังการเลือกตั้ง รอบหน้า อนุทิน จะยังคงได้รับความไว้วางใจให้กลับมาทำหน้าที่ สร.1 รอบที่ 2 อีกหรือไม่ ?







