ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ การเมืองรอบตัว อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เผชิญทั้งแรงสั่นสะเทือนและแรงหนุนจากบุคคลใกล้ตัวอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นภาพสะท้อนสำคัญว่า “คน” สามารถเป็นได้ทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งทางการเมืองในเวลาเดียวกัน
ฝั่งที่สร้างแรงกระแทกเริ่มจากกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ซึ่งถูกจับตาเรื่องคุณสมบัติทางการเมืองมายาวนาน ยิ่งทวีความร้อนเมื่อ ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.พรรคกล้าธรรม ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. อายัดทรัพย์กว่า 159 ล้านบาทจากข้อสงสัยพัวพันเว็บพนัน กระทบภาพลักษณ์พรรคและชี้ให้เห็นความเสี่ยงทางการเมืองของเครือข่ายคนใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน วรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.คลัง ต้องลาออกท่ามกลางข้อกล่าวหาเชื่อมโยงเครือข่ายอาชญากรรมจีน และคดีปล่อยกู้เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธที่อยู่ในมือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ซึ่งอนุทินยอมรับว่าเป็นผู้ขอให้ลาออกเพื่อไม่ให้กระทบกลไกเศรษฐกิจของรัฐบาล
ประเด็นร้อนลุกลามถึง สมยศ พลายด้วง สส.ประชาธิปัตย์ ผู้เคยสนับสนุนอนุทิน ถูก กมธ.เรียกชี้แจงเรื่องเส้นทางเงินโยงเว็บพนัน ขณะที่คำอธิบายผ่านสื่อเรื่อง “ค่าวัวชน” ยังไม่ดับคำถามของสังคม ทำให้กระแสวิพากษ์ยังดำเนินต่อไป
กระแสลบยิ่งพุ่งแรงจากดราม่าการสื่อสารของ ธนนนท์ นิรามิษ ภริยานายกฯ ที่ถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมกับบทบาทสาธารณะ แม้เป็นประเด็นเล็ก แต่สะท้อนความเปราะบางทางภาพลักษณ์ผู้นำในยุคที่การสื่อสารไวกว่าเกมการเมือง
แต่ภายในสัปดาห์เดียวกันนั้นเอง อนุทินกลับสร้าง “เกมรุก” ด้วยการเสนอชื่อ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรคภูมิใจไทย การเปิดตัวบุคคลสายเทคโนแครตช่วยพลิกกระแสจากประเด็นลบ กลายเป็นภาพพรรคที่มีความพร้อมด้านบุคลากรและมุ่งบริหารประเทศด้วยมืออาชีพ
การดันชื่อทั้งสองถูกมองว่าเป็นการรีเซ็ตภาพลักษณ์ เชื่อมโยงพรรคกับความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการบริหารสมัยใหม่ อีกทั้งยังส่งสัญญาณว่าภูมิใจไทยอยู่ในโหมด “พร้อมเลือกตั้ง” และพร้อมสู้ในสนามที่ต้องการทั้งผู้นำเชิงบริหารและบุคลากรน่าเชื่อถือ
ในสัปดาห์เดียว บุคคลรอบตัวอนุทินจึงกลายเป็นทั้งต้นทุนและภาระ สร้างทั้งแรงกระเพื่อมด้านลบและแต้มบวกทางการเมือง สะท้อนเกมอำนาจที่เปลี่ยนทิศได้จากคนเพียงไม่กี่คน — และทำให้การจัดสมดุลระหว่างภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และเครือข่ายทางการเมือง กลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลอนุทินต้องเร่งจัดการจากนี้ไป