วันที่ 31 ธ.ค.2568 ว่าที่ ร.ต.ภาสกร สิริภคยาพร รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงสรุปภาพรวมการรับสมัครเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และการรับสมัครรับเลือกตั้ง สส. แบบบัญชีรายชื่อและบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี หลังปิดรับสมัคร เวลา 16.30 น.
โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ทั้ง 400 เขต มีจำนวนทั้งสิ้น 3,526 คน จาก 60 พรรคการเมือง ส่วนผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ จาก 57 พรรคการเมือง มีจำนวนทั้งสิ้น 1,570 คน ทั้งนี้มีการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี จาก 43 พรรคการเมือง จำนวนทั้งสิ้น 94 คน
ทั้งนี้เขตเลือกตั้งที่มีการส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งสูงที่สุด คือ กทม.เขตที่ 30 มีผู้สมัคร 19 คน ส่วนผู้สมัครที่มีอายุมากที่สุดมีอายุ 90 ปี
ร.ต.ภาสกร ระบุว่า หลังจากนี้ สำนักงาน กกต. จะส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม 26 หน่วยงาน ก่อนจะส่งข้อมูลกลับมายังผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขต และกรรมการ กกต. เพื่อประกาศรายชื่อรับสมัคร ภายในวันที่ 7 ม.ค.2569
วันลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า - นอกราชอาณาจักร คนลงทะเบียนแล้ว 829,786 คน
สำนักงาน กกต. สรุปยอดจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้ง นอกเขตเลือกตั้งและนอกราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 20-31 ธ.ค.2568 รวมจำนวน 829,786 คน
พบว่ามีผู้ขอลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง จำนวน 4,325 คน มีผู้ขอใช้สิทธิ เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจำนวน 758,306 คน และมีผู้ขอลงคะแนนออกเสียงนอกราชอาณาจักรจำนวน 68,155 คน
สำหรับการเปิดให้ประชาชนที่มีกิจธุระจำเป็นไม่สามารถไปออกเสียงเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์หรือประชาชนที่อยู่นอกราชอาณาจักร รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ไปปฏิบัติการในวันเลือกตั้งสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 2568 - 5 ม.ค. 2569
สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว เปลี่ยนใจหรือไม่สะดวกจะไปใช้สิทธิในวันที่ 1 ก.พ. 2569 เนื่องจากไม่สามารถออกเสียงประชามติล่วงหน้าได้ สามารถยกเลิกการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าได้เพื่อจะได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งพร้อมกับการออกเสียงประชามติ ในวันที่ 8 ก.พ.2569
นอกจากนี้ รองเลขาธิการ กกต. กลาวถึง กรณีที่พรรคประชาชนส่ง นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อดีต สส.กทม. พรรคประชาชน ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.กรุงเทพฯ เขตเลือกตั้งที่ 33 เขตแทนนายบุญฤทธิ์ เลารุ่งโรจน์ อดีตผู้สมัคร ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีฐานฟอกเงินนั้น สามารถดำเนินการได้ เนื่องจาก พรรคการเมืองสามารถเปลี่ยนแปลงตัวผู้สมัครได้ ในกรณีที่ผู้สมัครตาย ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม
ในกรณีที่มีลักษณะต้องห้ามแม้ จะถูกจับกุมแล้ว แต่คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด และเนื่องจาก นายบุญฤทธิ์ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนแล้ว จึงทำให้ขาดคุณสมบัติในการลงรับสมัครเลือกตั้ง กรณีดังกล่าว จึงถือว่า ขาดคุณสมบัติเพราะลาออกจาการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และตามระเบียบนั้น ให้ผู้สมัครที่มาสมัครแทน และ ผู้สมัครที่เหลืออยู่จากพรรคการเมืองอื่น ยังคงใช้หมายเลขประจำตัวหมายเลขเดิมตามหลักเกณฑ์