ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายงานความคืบหน้าประจำวันที่ 26 ธันวาคม 2568 เวลา 14.00 น. โดยนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงประณามเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณปราสาทตาควายเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ข้อเท้าซ้ายขาดและได้รับบาดเจ็บรวม 2 นาย นับเป็นรายที่ 9 ของเหตุการณ์ความขัดแย้งครั้งนี้ ซึ่งทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นชนิด PMN2 ที่กัมพูชามีอยู่ในสต็อกและเป็นอาวุธที่ไร้เป้าหมายทำลายขวัญกำลังใจทั้งทหารและประชาชน
ในขณะที่ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาในกรอบคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) วาระพิเศษ เพื่อหาแนวทางลดความตึงเครียดและนำไปสู่การหยุดยิง ซึ่งทางไทยขอเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความจริงใจและความรับผิดชอบ โดยเฉพาะการร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้รวบรวมหลักฐานการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาและการกระทำที่ผิดหลักสากล ส่งไปยังประธานรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาและเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เพื่อประท้วงและดำเนินการในเวทีระหว่างประเทศต่อไป
ทางด้านนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ได้ชี้แจงถึงผลกระทบต่อโบราณสถาน โดยระบุว่ากัมพูชาได้ละเมิดกติกาฉบับสากลและอนุสัญญาเฮก ด้วยการใช้ปราสาทตาควายเป็นสถานที่มั่นทางทหาร ซ่องสุมกำลังพล และวางทุ่นระเบิดจนตัวปราสาทได้รับความเสียหายจากการสู้รบ อย่างไรก็ตาม กรมศิลปากรยืนยันความพร้อมในการบูรณะปราสาทตาควายให้กลับมางดงามดังเดิม เช่นเดียวกับที่เคยประสบความสำเร็จในการบูรณะองค์พระธาตุพนมที่เคยล้มได้รับความเสียหายทั้งองค์เมื่อ 50 ปีก่อน
โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือปราสาทตาควายต้องตั้งอยู่ในอาณาเขตประเทศไทยและกองทัพไทยสามารถยึดพื้นที่ปักธงไตรรงค์ได้สำเร็จ ซึ่งเหตุการณ์ความเสียหายครั้งนี้จะเป็นเครื่องเตือนใจถึงโทษของสงครามที่ทำลายมรดกวัฒนธรรม และแสดงให้เห็นว่าคนไทยจะไม่มีวันยอมแพ้ในการรักษาและกอบกู้โบราณสถานของชาติ
ขณะที่พันตรีหญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก รายงานภาพรวมสถานการณ์การสู้รบว่า ในพื้นที่บ้านหนองจาน กำลังทหารกำลังปฏิบัติการเพื่อเข้าควบคุมพื้นที่ โดยขอให้ประชาชนส่งกำลังใจให้ทหารแนวหน้า สำหรับบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านคลองแผง ทหารไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่และอยู่ในระหว่างสถาปนาความมั่นคง แม้จะยังมีการยิงโต้ตอบจากฝ่ายกัมพูชาบ้างแต่ยังควบคุมสถานการณ์ได้ เช่นเดียวกับบริเวณภูมะเขือและห้วยตามาเรียที่มีการปะทะเป็นบางส่วน ส่วนกรณีการเหยียบทุ่นระเบิดที่ปราสาทตาควายนั้น จากการเข้าพิสูจน์ทราบพื้นที่เพิ่มเติม พบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN2 เพิ่มอีก 4 ทุ่น วางเรียงตามแนวเส้นทางเคลื่อนที่เพื่อมุ่งหวังทำร้ายเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน ซึ่งกองทัพบกได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดส่งให้กระทรวงการต่างประเทศไปขยายผลในระดับสากลแล้ว
ในส่วนของมาตรการทางทะเล นาวาเอก นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ ระบุว่าตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติได้มีการระงับส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงและยุทธปัจจัยไปยังกัมพูชา ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ได้ตรวจพบเรือสัญชาติไทยที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยพยายามลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ากัมพูชา จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะน้ำมันเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในยานพาหนะและอาวุธ เช่น รถถัง หรือเครื่องยิงจรวด BM21 เพื่อกลับมาโจมตีไทย หากสามารถจำกัดยุทธปัจจัยเหล่านี้ได้ การรบจะยุติลงได้รวดเร็วขึ้นและช่วยรักษาชีวิตทหารไทยได้เป็นจำนวนมาก
ด้านพลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เปิดเผยไทม์ไลน์การประชุม GBC ว่าขณะนี้เป็นการประชุมฝ่ายเลขานุการวันที่ 3 เพื่อยื่นข้อเสนอและวาระต่างๆ ซึ่งหากกัมพูชาหยุดยิง ทิศทางการเจรจาก็น่าจะดีขึ้น โดยในวันพรุ่งนี้ (27 ธันวาคม) จะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทั้งสองฝ่าย ณ จังหวัดจันทบุรี และจะมีการแถลงข่าวผลการประชุมอย่างเป็นทางการในช่วงเวลา 11.00 น.
สำหรับสถิติความสูญเสียล่าสุด พบว่ามีประชาชนเสียชีวิตทางอ้อม 44 คน เสียชีวิตโดยตรง 1 คน และบาดเจ็บ 13 คน ปัจจุบันมีศูนย์พักพิงชั่วคราว 712 แห่ง ดูแลประชาชน 121,317 คน ซึ่งเริ่มมีจำนวนลดลงในบางพื้นที่ที่ปลอดภัย ขณะที่สถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบจนต้องปิดบริการ แบ่งเป็นโรงพยาบาลหลัก 18 แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) อีก 240 แห่ง








