วันที่ 25 ธันวาคม 2568 เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยความคืบหน้าของสถานการณ์ว่า ความสำเร็จในการแก้ปัญหาขึ้นอยู่กับความจริงใจของกัมพูชาซึ่งเป็นฝ่ายเริ่มให้เกิดการปะทะ โดยพบหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวาด้วยการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN2 และมีการดัดแปลงระเบิดแสวงเครื่อง รวมถึงทุ่นระเบิดดักรถถังเพื่อเพิ่มอานุภาพทำลายล้างทหารไทย นอกจากนี้ยังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรง ทั้งการใช้โล่มนุษย์ การใช้พื้นที่ชุมชนและโบราณสถานเป็นที่ตั้งทางทหารเพื่อยิงเข้าใส่ฝ่ายไทย
ปัจจุบันไทยกำลังต่อสู้ใน 3 สมรภูมิ คือ การปฏิบัติการทางทหาร การชี้แจงข้อมูลข่าวสาร และการทูตเชิงรุก ซึ่งความคืบหน้าในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 3 ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 24-26 ธันวาคมนี้ ฝ่ายเลขานุการทั้งสองฝ่ายกำลังร่วมกันพิจารณาข้อเสนอ (Proposal) เพื่อหาข้อสรุปก่อนการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในวันที่ 27 ธันวาคม โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) เข้าร่วมติดตามเพื่อความโปร่งใส
สำหรับผลกระทบต่อประชาชน มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 42 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตทางอ้อมจากโรคประจำตัวและภาวะช็อก ส่วนผู้เสียชีวิตโดยตรงจากการปะทะมี 1 ราย และบาดเจ็บ 13 ราย ปัจจุบันมีศูนย์พักพิงชั่วคราว 744 แห่ง ดูแลผู้อพยพ 136,728 คน ขณะที่มีสถานพยาบาลต้องปิดบริการ 18 แห่ง และ รพ.สต. ได้รับผลกระทบ 240 แห่ง
โดยในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ จังหวัดสระแก้วจะเริ่มอำนวยความสะดวกด้านเอกสารเพื่อเยียวยาผู้ประสบภัยใน 4 อำเภอ ได้แก่ โคกสูง, คลองหาด, ตาพระยา และอรัญประเทศ ตามมติ ครม. พร้อมกันนี้ได้ปฏิเสธข่าวปลอมกรณีฝ่ายกัมพูชาออกประกาศคำแนะนำการเดินทาง (Travel Advisory) อ้างว่าไทยกีดกันนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปกัมพูชา โดยยืนยันว่าไทยยังคงดูแลนักท่องเที่ยวทุกสัญชาติอย่างเท่าเทียมตามมาตรฐานสากล
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงการดำเนินงานในมิติการต่างประเทศว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ประชุมออนไลน์ร่วมกับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกกว่า 100 แห่ง เพื่อมอบนโยบายการสื่อสารเชิงรุกต่อประเทศเจ้าบ้านและสื่อมวลชนต่างชาติ โดยเน้นย้ำความพยายามลดความตึงเครียดภายใต้กรอบ GBC พร้อมทั้งรวบรวมหลักฐานการละเมิดของกัมพูชาเพื่อยื่นหนังสือชี้แจง 2 ฉบับ ต่อประธานรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาและเลขาธิการสหประชาชาติ โดยระบุถึงการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและยืนยันสิทธิในการป้องกันตนเองของไทยตามมาตรา 51 ของกฎหมายสหประชาชาติ
ขณะที่สถานการณ์ในสนามรบ พันตรีหญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก ระบุว่าแม้ภาพรวมการสู้รบจะเบาบางลงแต่ยังมีการปะทะเป็นระยะ โดยกองทัพภาคที่ 2 สามารถตรึงกำลังบริเวณภูมะเขือและห้วยตามาเรียไว้ได้ และเมื่อเวลา 12.00 น. ที่ผ่านมา ทหารไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่เนิน 225 ได้สำเร็จ
ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ได้เข้าควบคุมพื้นที่บ้านคลองแผงและบ้านหนองหญ้าแก้วแล้ว และกำลังเร่งทวงคืนอธิปไตยในพื้นที่บ้านหนองจานบางส่วน อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 05.00 น. วันนี้ กัมพูชาได้ระดมยิงจรวด BM-21 กว่า 40 นัด ตกลงในพื้นที่บ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งจากการรวบรวมสถิติตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม พบจุดกระสุนตกรวมไม่น้อยกว่า 150 แห่ง สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนกว่า 190 หลังคาเรือน สถานพยาบาล 1 แห่ง ศาสนสถาน 5 แห่ง และสถานศึกษา 2 แห่ง รวมถึงพื้นที่การเกษตรและสาธารณูปโภคจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเจตนาที่ชัดเจนของกัมพูชาในการมุ่งเป้าโจมตีพื้นที่พลเรือนมากกว่ากำลังทหาร







