วันที่ 24 ธันวาคม 2568 เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้แถลงถึงจุดยืนของประเทศไทยที่มีความชัดเจนมาโดยตลอดในการตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักมนุษยธรรม ความชอบธรรม และความโปร่งใส โดยยึดหลัก "One Voice One Message" เพื่อนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็วแก่ประชาชน พร้อมระบุว่าฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) อย่างชัดเจนด้วยการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวมถึงการใช้โบราณสถานทางวัฒนธรรมเป็นที่มั่นทางทหาร และการใช้พื้นที่ชุมชนพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
สำหรับสถานการณ์ความสูญเสียล่าสุด พบว่ามีกำลังพลไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นาย ทำให้ยอดรวมทหารไทยเสียชีวิตสะสม 23 นาย (จากการปะทะ 22 นาย และปฏิบัติหน้าที่ 1 นาย) และมีผู้บาดเจ็บจากการปะทะเมื่อวานนี้อีก 4 นาย ในส่วนของความเสียหายต่อสถานที่ พบว่าการระดมยิงด้วยจรวด BM21 ของกัมพูชาได้สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับบริเวณสำนักงานอุทยานแห่งชาติผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ขณะที่ข้อมูลความเสียหายภาคพลเรือน มีประชาชนเสียชีวิตโดยตรง 1 ราย บาดเจ็บ 13 ราย และมีตัวเลขผู้เสียชีวิตทางอ้อมจากเหตุการณ์ปะทะรวม 41 ราย ปัจจุบันมีศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับผู้อพยพ 779 แห่ง โดยมีประชาชนอยู่ในศูนย์รวม 150,529 คน และมีสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบประกอบด้วยโรงพยาบาล 18 แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอีก 240 แห่ง
ทางด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงความคืบหน้าด้านการเจรจาว่า ขณะนี้ได้เข้าสู่กรอบการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 24-27 ธันวาคม 2568 เพื่อหารือเรื่องการหยุดยิง โดยไทม์ไลน์การประชุมเริ่มขึ้นในวันนี้ (24 ธ.ค.) จนถึงวันที่ 26 ธันวาคม เป็นการประชุมระดับฝ่ายเลขานุการ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี เพื่อกำหนดกรอบวาระการประชุม ก่อนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศจะร่วมประชุมกันในเช้าวันที่ 27 ธันวาคม
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เดินสายชี้แจงจุดยืนไทยต่อประซาคมโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพบทูตจากยุโรปกลาง และการหารือออนไลน์กับรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส โดยในวันนี้เวลา 16.00 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะประชุมออนไลน์ร่วมกับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกเพื่อมอบนโยบายและชี้แจงสถานการณ์ล่าสุด ไทยยืนยันจุดยืนปรารถนาสันติภาพแต่จำเป็นต้องปกป้องอธิปไตยจากการโจมตี และต้องการเห็นความจริงใจจากกัมพูชาเพื่อให้การหยุดยิงเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ไทยยังได้รวบรวมหลักฐานการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชาส่งไปยังสถานทูตต่าง ๆ เพื่อดำเนินการในกรอบขององค์การระหว่างประเทศต่อไป
ขณะที่ พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวความคืบหน้าสถานการณ์การสู้รบว่า กองทัพไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ที่ถูกรุกล้ำอธิปไตยคืนได้แล้ว 2 พื้นที่ คือ บริเวณบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา และบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง ส่วนบริเวณบ้านหนองจานสามารถควบคุมพื้นที่ได้แล้วบางส่วนแต่ยังมีการปะทะกันอยู่
จากการเข้าสถาปนาความมั่นคงในพื้นที่ที่ยึดคืนได้ พบหลักฐานสำคัญคือทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวนมาก ซึ่งเป็นอาวุธที่ผิดอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงมีการดัดแปลงระเบิดแสวงเครื่องและทุ่นระเบิดดักรถถังเพื่อใช้สังหารบุคคลในทุกพื้นที่ที่เกิดการปะทะ ทั้งในพื้นที่ความรับผิดชอบของกองทัพเรือ กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 หลักฐานเหล่านี้เป็นสิ่งยืนยันต่อชาวโลกถึงการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างประเทศของกัมพูชาอย่างชัดเจน
ทั้งนี้กองทัพอากาศยังคงพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติการทางบกเพื่อลดขีดความสามารถทางทหารของฝ่ายตรงข้ามที่มุ่งเป้าโจมตีพลเรือน โดยเน้นย้ำการปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมและสิทธิในการป้องกันตนเองเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทยสูงสุด







