เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ธ.ค.ที่ทําเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า มีคําถามจากประชาชนจำนวนมากว่า โครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 จะได้ไปต่อหรือไม่ ซึ่งนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีได้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วว่ารัฐบาลรักษาการไม่สามารถดําเนินการโครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ได้ก็ต้องกราบขออภัยด้วย
เมื่อถามถึง กรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า สาเหตุที่ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทไม่ได้ไปต่อ เพราะรัฐบาลเสียงข้างน้อยตีตก นายสิริพงศ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ก็เห็นเป็นประเด็นอยู่ ต้องเรียนว่ากรณีที่กล่าวอ้างว่า โครงการเงินหมื่นไม่ได้ไปต่อเหตุจากรัฐบาลเสียงข้างน้อยตีตกนั้นไม่เป็นความจริง โดยสิ้นเชิง และคิดว่าเป็นการกล่าวที่ไม่รับผิดชอบต่อความล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง ต่อนโยบายของตนเอง ที่ได้หาเสียงเอาไว้ ถ้าเรากลับไปดูมติ ครม. เมื่อวันที่ 20 พ.ค นายกฯ ในขณะนั้นแถลงด้วยตนเอง ว่า โครงการเงินหมื่น เฟส 3 ต้องชะลอไปก่อนด้วยเหตุผลต่างๆ เพราะเห็นว่าโครงการเงินหมื่น มีความจำเป็นน้อยกว่า การไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งหากจำได้ตอนนั้นใช้เวลาแปลงโครงการ ต่างๆ 1.5 แสนล้านบาท ในเวลาเพียงไม่ถึงสัปดาห์ ทุกอย่างเร่งรีบมาก ซึ่งเป็นสาเหตุโครงการเงินหมื่นเฟส 3 ไม่ได้แจก แต่เมื่อรัฐบาลนี้มาก็ไม่ได้มีงบประมาณส่วนใดที่จัดสรรไว้สำหรับโครงการเงินหมื่น โดยโครงการคนละครึ่งพลัส เป็นโครงการที่นำเงินจากงบกลางที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า และเมื่อเทียบกับเม็ดเงินมันต่างกันเยอะ เพราะโครงการคนละครึ่งพลัส เราใช้เม็ดเงินเพียงแค่ 40,000 กว่าล้านบาท ในขณะที่โครงการเงินหมื่นแต่ละเฟส ใช้งบแสนกว่าล้านบาท รวมถึงหลักคิดก็ต่างกันโครงการคนละครึ่งพลัส กระตุ้นสั้นได้ผลยาว กระจายตัว แต่ที่ฟังชาวบ้านเขาพูดมา โครงการเงินหมื่นกระตุ้นสั้น แต่ซึมยาว








