เปิดข้อมูลลับกลางสภา! กมธ.ทหาร ความมั่นคงฯ" วุฒิ กางแผนที่แฉ 3 เส้นทางน้ำมัน ทั้งถูกกฎหมายและน้ำมันเถื่อนอ่าวไทย เผยกลยุทธ์ "ตีเมืองขึ้น" ย้ายด่านหนีการตรวจสอบ ตั้งคำถามสำคัญถึงเวลาหรือยังที่รัฐบาลต้องขยับน้ำมันเป็น "สินค้าควบคุม" เพื่อความมั่นคง
วันที่ 23 ธ.ค.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ที่มีพล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. และประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาสถานการณ์ทางทหารและความมั่นคง บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กรณีการควบคุมการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงและยุทธภัณฑ์ และการสกัดกั้นน้ำมันและยุทธปัจจัยทางทะเลของเรือไทย ที่จะเข้าไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง รวมถึงปัจจัยความเสี่ยงอื่นที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการรักษาอธิปไตยของฝ่ายความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมาและปัจจุบัน โดยมีหน่วยงานที่มาให้ข้อมูล อาทิ นายอาชว์ พดด้วง นายด่านศุลกากรช่องเม็ก กรมศุลกากร, นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน, นาวาเอก ณัฐวุฒิ งามวงศ์วาน รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน ศรชล. , นายทรงพล เทพนำโสมนัสส์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจต่างประเทศ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) เป็นต้น
ภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะเลขานุการและโฆษกกรรมาธิการฯ เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมาธิการพบว่าแม้มีการสู้รบกันนานหลายเดือนแล้ว แต่น้ำมันของกัมพูชายังไม่ขาดแคลน ทั้งที่กัมพูชาซื้อน้ำมันจากไทย แต่ข้อเท็จจริงพบว่ากัมพูชาไม่ได้ซื้อน้ำมันโดยตรงจากไทย แต่ซื้อผ่านลาว วันนี้การส่งออกน้ำมันไปยังลาว ย้ายจากด่านช่องเม็กไปออกทางด่านมุกดาหาร เพราะตั้งข้อสังเกตว่าการที่น้ำมันส่งจากไทยไปลาวผ่านด่านช่องเม็กไปยังแขวงจำปาสัก จะถูกส่งไปยังกัมพูชาได้เร็ว ปลายทางคือเมืองสะตือแกรง ซึ่งเมื่อย้ายไปทางจังหวัดมุกดาหารจะส่งไปยังกัมพูชาได้น้อยลง นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานการส่งน้ำมันจากสิงคโปร์ไปยังกัมพูชามากขึ้น คงจะแทนที่การนำน้ำมันจากไทย เป็นการซื้อโดยตรงจากสิงคโปร์ ใช้วิธีส่งทางเรือไปยังชายฝั่งของกัมพูชา โดยที่ไม่ต้องเข้ามาในน่านน้ำของไทย และอีกประเด็นคือน้ำมันไม่ใช่สินค้าควบคุม ดังนั้น การค้าน้ำมันเป็นการค้าเสรี การจะสั่งให้เป็นสินค้าควบคุมหรือไม่ส่งออกไปยังประเทศใด ๆ ได้ ต้องเป็นนโยบายของกองทัพหรือรัฐบาล หากเป็นระดับหน่วยงานไม่สามารถดำเนินการไม่ให้มีการส่งออกเองได้
นายไชยยงค์ กล่าวว่า เส้นทางการค้าน้ำมันของไทยไปยังต่างประเทศหรือประเทศที่สามด้วยว่า มี 3 ช่องทาง คือ 1. ซื้อจากไทยโดยตรงตามกฎหมาย ผ่านด่านศุลกากรอย่างถูกต้อง 2. น้ำมันเถื่อนมาจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนในอ่าวไทยมีความยิ่งใหญ่มาก น้ำมันจากสิงคโปร์และมาเลเซียส่งไปยังลาวและส่งต่อไปยังกัมพูชาและประเทศที่สามอื่น ๆ โดยไม่ผ่านน่านน้ำไทย จะใช้น่านน้ำสากลในการที่จะผ่านไป และ 3.น้ำมันที่ทรานซิสจากไทย โดยมีผู้ค้าที่เป็นบริษัทใหญ่ส่งออกน้ำมันซื้อน้ำมันจากมาเลเซียและขอผ่านทางไทยโดยไม่เสียภาษี เพื่อไปขายให้กับประเทศที่สาม คือ ลาว เมียนมา และกัมพูชา โดยผ่านด่านศุลกากร อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งช่องทางสุดท้ายนี้ ไม่ผิดกฎหมาย เป็นการซื้อโดยตรงจากมาเลเซีย มีเอกสารขอผ่านไทยไปยังประเทศที่สาม แต่จะผิดกฎหมายก็ต่อเมื่อน้ำมันไม่ได้ส่งออกจริง แต่กลายเป็นเอามาขายในไทยแทน
“กัมพูชาสั่งน้ำมันผ่านทางผู้ค้าเอกชนในลาว เมื่อไทยส่งน้ำมันไปยังคลังในลาวก็มีการส่งต่อไปยังกัมพูชา เป็นการค้าของเอกชน ซึ่ง ปตท. ควบคุมไม่ได้ เพราะการค้าน้ำมันเป็นการค้าเสรี เมื่อซื้อแล้วก็เป็นสิทธิ์ จะอ้างว่าไปส่งที่ลาว แต่เมื่อไปถึงแล้วจะส่งไปไหนก็เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมได้”นายไชยยงค์ กล่าว








