วันที่ 22 ธ.ค.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท - คุยการเมือง เรื่อง เพื่อไทย ปั่นกระแส ดร.เชน โดยระบุว่า หลังจากพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ชื่อ ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ เป็นการตอกย้ำว่า ครอบครัวตระกูลชินวัตร ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ยังไม่ปล่อยมือ จึงส่งบุคคลในครอบครัวตระกูลชินวัตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อสื่อสัญลักษณ์ให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร ยังให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และมีการปั่นกระแสจากกลุ่มนายแบก นางแบบ กองเชียร์ รวมไปถึงการปั้นแต่งผลการสำรวจ หรือผลโพล ที่บางคนเรียกว่าโพลจัดตั้งหรือโพลเถื่อนให้คะแนนนิยมของดร.ยศชนัน มาเป็นอันดับ1 ทั้งที่ผลโพลของสำนักต่างๆที่เป็นทางการ ก็ยังเห็นคะแนนนิยมของดร.ยศชนัน ยังอยู่ในลำดับรั้งท้าย
แต่การปั่นกระแสของดร.ยศชนัน ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ มีเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ก็เพื่อต้องการที่หยุดกระแสเลือดไหลออกจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งยังมีข่าวอดีตส.ส.ของพรรคเพื่อไทยลาออกไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น ให้เห็นอยู่หลายคน และล่าสุดการลาออกของนายจาตุรนต์ ฉายแสง จากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่ได้เกินความคาดหมาย เพราะก่อนหน้านี้นายจาตุรนต์ ได้รับการผลักดันจากสมาชิกในพรรคเพื่อไทยให้เป็นหัวหน้าพรรค และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจากนายจาตุรนต์เป็นคนที่มีหลักการ ซึ่งนายใหญ่ไม่สามารถบงการหรือสั่งการได้ จึงไม่สนับสนุนให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
การมีตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค ถือว่าเป็นตำแหน่งปลอบใจ และเป็นตำแหน่งที่หาที่ยืนให้กับนายจาตุรนต์ ซึ่งนายจาตุรนต์ก็ทราบดีว่า ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งลอย ตำแหน่งปลอบใจ ไม่สามารถผลักดันหรือมีบทบาทใดๆได้ เห็นได้จากเหตุผลการลาออกของนายจาตุรนต์ว่า เมื่อกรรมการบริหารพรรคได้ผลักดันนโยบายยุทธศาสตร์พรรคได้อย่างเต็มที่แล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งนี้อีกต่อไป จึงขอลาออกเพื่อไปเป็นคณะกรรมการรณรงค์ประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค ซึ่งไม่แน่ใจว่าพรรคเพื่อไทยจะแต่งตั้งหรือไม่ หรือจะเอาจริงเอาจังกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากน้อยเพียงใด เพราะ2ปีที่เป็นรัฐบาล ก็ไม่แสดงความมุ่งมั่น หรือท่าทีที่ชัดเจนว่า จะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย
จะเห็นได้ว่า ในวันนี้พรรคเพื่อไทยพยายามจะปั่นกระแสดร.ยศชนันในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ออกเดินสายเปิดตัวกับประชาชน เช่น การลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นสถานที่แห่งแรก แต่เชื่อว่า ก่อนถึงวันรับสมัครเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ น่าจะมีอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยลาออกจากพรรค ไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นอีก








