ไทยชี้ทหารกัมพูชาใช้พลเรือนเป็นอาวุธ นำภรรยาและลูกมาอยู่ในฐานทหารกลางสนามรบ ขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) อย่างร้ายแรง และเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมสงครามด้วยการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ (Human Shields) พร้อมเรียกร้องให้ยุติการกระทำดังกล่าวทันที
ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แถลงกรณีปรากฏข้อมูลการนำพลเรือนเข้าอยู่ในบังเกอร์ทางทหารของกัมพูชา โดยระบุว่าฝ่ายไทยได้รับข้อมูลและหลักฐานจากแหล่งข่าวเปิด (OSINT) รวมถึงการตรวจสอบภาคสนาม พบว่ามีกำลังทหารกัมพูชาบางส่วนจงใจนำภรรยาและบุตรซึ่งเป็นพลเรือน เข้าไปอาศัยอยู่ภายในบังเกอร์และพื้นที่ทางทหารในขณะที่มีการสู้รบในแนวหน้า
สำหรับการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการใช้ "โล่มนุษย์ (Human Shields)" หรือไม่นั้น ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ ระบุว่าประเทศไทยไม่ต้องการใช้ถ้อยคำกล่าวหาเชิงอารมณ์ แต่ขอชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงในสนามรบว่า พฤติการณ์การนำพลเรือนโดยเฉพาะสตรีและเด็ก เข้าไปอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการทางทหารเช่นนี้ คือการนำผู้บริสุทธิ์มาเสี่ยงอันตรายเพื่อหวังผลในการป้องกันเป้าหมายทางทหาร ซึ่งเข้าข่ายการละเมิดหลักการคุ้มครองพลเรือนตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
แม้การมีพลเรือนอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการทางทหารจะไม่ถือว่าผิดกฎหมายระหว่างประเทศโดยตัวของมันเอง แต่การกระทำนี้จะขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) ทันทีหากเป็นการจงใจใช้พลเรือนเพื่อประโยชน์ทางทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 4 (1949) มาตรา 28 ที่ห้ามมิให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้การปรากฏตัวของพลเรือนเพื่อทำให้พื้นที่หรือเป้าหมายทางทหารรอดพ้นจากการปฏิบัติการ และพิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 1 (1977) มาตรา 51 วรรค 7 ที่ห้ามใช้พลเรือนเพื่อบดบังหรือคุ้มกันเป้าหมายทางทหาร รวมถึงห้ามบังคับให้มีการเคลื่อนย้ายหรือจัดวางพลเรือนเพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางการทหาร
การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมสงคราม ภายใต้ธรรมนูญกรุงโรมของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นการจงใจใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์เพื่อคุ้มกันเป้าหมายหรือปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งความผิดนี้อยู่ภายใต้มาตรา 8(2)(b) หรือ 8(2)(e) ของธรรมนูญกรุงโรม
ฝ่ายไทยขอยืนยันว่าไทยยึดมั่นในหลักการคุ้มครองพลเรือนตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด และไม่มีนโยบายหรือการกระทำใดที่มุ่งทำร้ายพลเรือน การนำพลเรือนเข้าสู่พื้นที่สู้รบถือเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายที่กระทำ และเป็นสิ่งที่ประชาคมโลกไม่อาจยอมรับได้ พร้อมเรียกร้องให้กองทัพกัมพูชายุติการนำพลเรือนเข้าสู่พื้นที่ทางทหารโดยทันที เพื่อคุ้มครองสตรี เด็ก และพลเรือนให้พ้นจากอันตรายของการสู้รบ
พลเรือนไม่ใช่อาวุธ และเด็กไม่ควรถูกนำมาอยู่ในสนามรบ การนำพลเรือนเข้าไปอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการทางทหารเพียงเพื่อหวังให้เป้าหมายทางทหารรอดพ้นจากการโจมตี ถือเป็นสิ่งที่ขัดต่อมนุษยธรรมและกฎหมายสากลอย่างสิ้นเชิง







