เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 19 ธ.ค. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ พูดคุยกับนายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาว่า นายสีหศักดิ์ ที่ขณะนี้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้เขียนรายงานมา ซึ่งท่านได้โทรศัพท์หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เห็นว่ามีการนัดพูดคุยกับนายหวังอี้ ซึ่งนายสีหศักดิ์บอกว่าจะจัดการแล้วรายงานให้ทราบ ทุกอย่างก็ยังเป็นไปในทางที่ดี เราก็ได้อธิบายเหตุผลของการดําเนินการ ที่เรากําลังทําอยู่ในปัจจุบัน และยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายรุกราน ถ้าเกิดบอกว่าจะมีการหารือต้องมีการหยุดยิง ซึ่งต้องบอกฝ่ายกัมพูชาให้เป็นคนเริ่ม ให้มีการดําเนินงานให้เป็นรูปธรรม จนกว่าประเทศไทยเราจะรู้สึกว่า ความเป็นอันตรายต่อประเทศมันหมดไป
เมื่อถาม มีประเทศที่สามที่เป็นมหาอํานาจเข้ามากดดันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนว่ายุคนี้สมัยนี้ คําว่ากดดันคืออะไร ตนว่ากดดันคือคุณต้องไปทําอะไรผิดก่อน ทําอะไรที่ไม่เข้าท่าก่อน ทําอะไรแล้วทําให้คนอื่นเกิดความเดือดร้อนก่อน เอาเปรียบคนก่อน ถึงจะใช้ความกดดันกัน ไทยไม่ได้อยู่ในบริบทนี้เลย ความกดดันต้องไปอยู่กับประเทศผู้รุกราน ผู้ที่ไม่อยู่ในข้อตกลงที่ละเมิดสัญญาที่มีไว้ต่อกัน
นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่เรียนผู้สื่อข่าวต้องช่วยย้ํา เรามีสัญญาอะไรกันไว้ 1. ถอนทหาร ถอนอาวุธ 2. ถอนทุ่นระเบิด 3 . ปราบปรามสแกมเมอร์ 4. จัดการบริหารเขตแดนบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ที่สู้รบกันอยู่ ทั้ง 4 ข้อ ประเทศไทยทําครบไหม ซึ่งก็ครบ ขณะนี้มีการตอบโต้กันอยู่ สู้รบกันอยู่ ทั้ง 4 ข้อ ประเทศไทยยังดําเนินการอยู่อย่างเต็มที่ ยกเว้นข้อ1 ที่เราถอดทหารไม่ได้ เพราะเราถูกกลั่นแกล้ง ถูกโจมตี ถูกคุกคาม ที่เหลือก็ยังดําเนินการอยู่ตามปกติ ถ้าใครมาบอกให้เราว่าไทยแลนด์ต้องกลับไปสู่ปฏิญญา เราอยู่ในนั้นอยู่แล้ว ให้กลับมาเรายังไม่ได้ออกจากตรงนั้นมาเลย ต้องให้กัมพูชากลับไปตามปฏิญญา แต่ตอนนี้จะต้องมีเงื่อนไขเพิ่มเติมขึ้นมา การถอนกำลัง ถอนอาวุธ ต้องให้เต็มที่เป็นที่พึงพอใจ และความไว้วางใจของประเทศไทยว่า ไม่เป็นอันตรายต่อประเทศ คนที่ละเมิดจะต้องแสดงท่าทีเป็นผู้ถูกกําหนดมากหน่อย








