วันที่ 19 ธันวาคม 2568 ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร คณะกรรมาธิการการกฎหมาย และการยุติธรรม วุฒิสภา จัดสัมมนา เรื่อง แนวทางการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อ เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและมาตรการแนวทางในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
พลตำรวจโท บุญจันทร์ นวลสาย ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย และการยุติธรรม วุฒิสภา เป็นประธานในพิธีเปิดสัมมนา เรื่อง แนวทางการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยพลตำรวจโท บุญจันทร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลมีความก้าวหน้าและการสื่อสารไร้พรมแดน ได้ส่งผลให้รูปแบบ อาชญากรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ คือ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และ สแกมเมอร์ ซึ่งใช้เทคนิคการหลอกลวงผ่านโทรศัพท์และสื่อออนไลน์ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
ดังนั้นทางคณะกรรมาธิการฯ จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมเทคโนโลยีอย่างเร่งด่วน จึงได้จัดสัมมนาดังกล่าวขึ้นเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย มาตรการและแนวทางในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทั้งสะท้อนปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดทั้งเพื่อจะได้รับทราบแนวทางการส่งเสริมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้เมื่อถามถึงเสถียรภาพการทำงานของวุฒิสภาภายหลังที่มีการยุบสภาไปแล้วนั้น เป็นอุปสรรคต่อการผลักดันแก้ไขกฎหมายหรือไม่ พลตำรวจโท บุญจันทร์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่กระทบต่อเสถียรภาพในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และหากได้รัฐบาลชุดใหม่มา วุฒิสภานำเสนอแนวทางแนวทางการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ทันที เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน
ภายในงานยังได้มีการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง นโยบายและมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยพลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวได้ให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะแก๊งค์สแกมเมอร์ มีการพัฒนารูปแบบการหลอกลวงอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกหน่วยงานรัฐในการปราบปรามอย่างรวดเร็ว พร้อมต้องขอชื่นชมวุฒิสภาที่จัดสัมมนาครั้งนี้ขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยิ่ง
เมื่อถามว่า ปัจจุบันแก๊งสแกมเมอร์ ได้มีการพัฒนาระบบหลอกลวงประชาชนผ่านการสแกนม่านตา บัญชีม้า หน่วยงานภาครัฐจะมีการรับมืออย่างไร นั้น พลตำรวจโท รุทธพล กล่าวว่า ตนได้ประสานหน่วยงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด โดยยืนยันว่า หากมีระบบเทคโนโลยีดังกล่าวในการยืนยันตัวตน ผ่านม่านตาได้จริง ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีระบบในการตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลได้ เช่นกัน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นมนุษย์ หรือ โรบอท
เมื่อถามถึง แผนการเยียวยาช่วยเหลือผู้เสียหายจากเหตุอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นั้น พลตำรวจโท รุทธพล กล่าวว่า ภาครัฐได้มีการกำชับ ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะสำนักงาน ป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน (ปปง.) ขอให้มีการเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในกรอบเวลา 30 วัน ผ่านกระบวนการยึดทรัพย์และเฉลี่ยทรัพย์ ให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะทำการเฉลี่ยทรัพย์คืน ประชาชนที่ได้รับความเสียหายอย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไป
อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ในพื้นที่ชายแดน ควรปรับกลยุทธ์เพิ่มเติมหรือไม่ พลตำรวจโท รุทธพล กล่าวย้ำว่า กลยุทธ์ของภาครัฐเดินมาถูกทางแล้ว โดยเฉพาะการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานด้านสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งก็ได้มีมาตรการดำเนินการไปแล้ว และมีการหารือในระดับสภาความมั่นคง เพื่อพิจารณาการควบคุมผู้ให้บริการที่อาจมีการส่งต่อสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างละเอียดรอบคอบ โดยมุ่งป้องกันและปราบปรามปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์อย่างยั่งยืน








