วันที่ 19 ธ.ค.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท - คุยการเมือง เรื่อง "ปัญหาปาร์ตี้ลิสต์ของประชาธิปัตย์" ระบุข้อความว่า ช่วงนี้จะมีพรรคการเมืองหลายพรรค ประกาศรายชื่อผู้สมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อจะทำไพรมารี่โหวตตามกระบวนการของกฎหมายพรรคการเมือง จะเห็นว่าพรรคแรกที่เปิดรายชื่อผู้สมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ 100 คน คือพรรคประชาธิปัตย์ มีรายชื่อของอดีตส.ส. อดีตรัฐมนตรี ผู้ที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก ซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับการบริหารจัดการของพรรค ถ้าหากจัดลำดับปาร์ตี้ลิสต์ไม่เป็นที่ถูกใจของบางคน ก็อาจจะออกมาแสดงความรู้สึกผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์ได้
ในฐานะศิษย์เก่าประชาธิปัตย์ อยากจะวิเคราะห์ว่า ทำไมมีอดีตรัฐมนตรี อดีตส.ส.และผู้คนจำนวนมาก สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และเสนอตัวลงเลือกตั้งทั้งในระบบบัญชีรายชื่อ และระบบเขตมากพอสมควร ผลน่าจะมาจาก
1.กระแสนิยมพรรคประชาธิปัตย์ดีขึ้น และพุ่งแรงหลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างก็หวังไว้ว่าคะแนนป๊อปปูล่าโหวต หรือระบบบัญชีรายชื่อ คงจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ที่มีอยู่ประมาณ 9 แสนเสียง ซึ่งอาจจะเพิ่มเป็น 3 ล้านเสียง หรือ 5 ล้านเสียง ซึ่งในปี2550-54 เคยมีคะแนนป๊อปปูล่าโหวต หรือคะแนนปาร์ตี้ลิส 12-13 ล้านเสียง
2.มีผู้อาวุโสของพรรค อดีตรัฐมนตรี อดีตส.ส.เสนอตัวลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ถ้าหากว่าเป็นผู้อาวุโสที่มีคะแนนเสียง มีแฟนคลับ มีจุดขายอย่างเช่น นายชวน หลีกภัย ก็จะเป็นการส่งเสริมคะแนนนิยมในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคได้ แต่ผู้อาวุโสหรืออดีตรัฐมนตรี อดีตส.ส.บางคนไม่มีคะแนนนิยม ไม่มีแฟนคลับ ไม่มีฐานคะแนน เมื่อลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ก็จะเป็นภาระของพรรค และเป็นเป็นการถ่วงคะแนนนิยมของพรรคลงไปด้วย
3.การจัดลำดับปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งผู้อาวุโส คนรุ่นใหม่ และผู้ที่มีความรู้ความสามารถ หรือที่เรียกกันว่าจัดแบบสลับฟันปลา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยึดแนวนี้มาโดยตลอด มีทั้งผู้อาวุโส มีทั้งผู้สมัครหน้าใหม่ มีทั้งกลุ่มสตรี เพื่อเปิดโอกาสให้กับทุกฝ่าย ทุกกลุ่มได้มีบทบาทในที่นั่งส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ไม่ต้องการที่จะให้เหมารวมว่า เป็นคนรุ่นเก่าหรือผู้อาวุโสเท่านั้น เพื่อลบข้อครหาว่า มาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต้องเข้าคิวและมีคิวยาว
4.มีอดีตส.ส. อดีตรัฐมนตรีบางคน ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งมาแล้ว สอบตกซ้ำซาก สมัครอีกก็คงจะตกอีก แต่อยากจะเป็นส.ส.ต่อ จึงทิ้งพื้นที่เดิม มาเสนอตัวลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งจะเป็นปัญหาของพรรคในการจัดลำดับ ถ้าจัดลำดับอยู่ท้ายๆ ก็จะออกมาโวยวายว่า ไม่ให้เกียรติกัน ถ้าจัดในลำดับต้นๆก็เป็น ภาระของพรรคและทำให้พรรคเสียคะแนนและเสียที่นั่งของส.ส.ที่มีคุณภาพ
5.บางคนมีชื่อเสียงติดลบในพื้นที่ คนในพื้นที่ไม่เอา คนในพื้นที่จ้องถล่ม ก็ฉวยโอกาสหนีตาย หนีการสอบตก ขอขึ้นบัญชีรายชื่อของพรรค ลงสมัครในระบบปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งเป็นผลให้คะแนนนิยมในระบบบัญชีรายชื่อตกต่ำลงไปด้วย
6.การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนใช้เงินหาเสียงเป็นจำนวนมาก และครั้งนี้ถ้าจะกลับไปลงในระบบเขตอีก เมื่อนายอภิสิทธิ์กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ประกาศแนวทางการเมืองสุจริต พรรคสนับสนุนเงินไม่เท่าเดิม ก็อาจจะเป็นปัญหากับหัวคะแนนที่เคยดูแล และบริหารจัดการการเลือกตั้งมา ซึ่งอาจทำให้หัวคะแนน หรือคนที่เคยดูแลรับไม่ได้ จึงตัดสินใจไม่ลงสมัครในระบบเขต มาสมัครในระบบบัญชีรายชื่อดีกว่า
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ มีอดีตส.ส. อดีตรัฐมนตรี คนเก่าแก่ของพรรคเป็นจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่การบริหารจัดการของคณะกรรมการบริหารพรรค หรือคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร นอกจากบริหารจัดการให้ถูกใจทุกฝ่ายและเป็นธรรมแล้ว ต้องสามารถตอบคำถามให้กับสมาชิกพรรคและประชาชนผู้สนับสนุนได้ด้วย







