รมว.กลาโหม พุ่งเป้า ‘เรือไทย’ ไม่มีชักธงสัญชาติใด ในอ่าวไทย สกัดขน ‘น้ำมัน-ยุทธปัจจัย’ ไปกัมพูชา ประสาน ‘กรมสรรพสามิตร-ศุลกากร’ จับตา ‘เรือไทย’ เล่นแร่แปรธาตุ ใช่ช่องโหว่ขนน้ำมัน สวมรอย ‘ประเทศที่ 3 ใช้น่านน้ำสากล’ แจงจัดทำงบปี 2570 จัดหายุทโธปกรณ์ ยอมรับ ‘ยุบสภา’ ทำให้ ปฏิทินงบฯ ขยับ ลั่น ‘กัมพูชา’ ต้องสิ้นการเป็น ‘ปฏิปักษ์’ ชัดเจน เปิดเผย ต่อเนื่อง ลั่นถ้า ‘กัมพูชา’ อยากหยุดยิง ต้องถอนกำลัง ยัน ‘ไทย’ ไม่มีไล่ยิงตามยิงถึงพนมเปญ
วันที่ 18 ธ.ค.68 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการสกัดกั้นการลำเลียงน้ำมัน-ยุทธปัจจัยทางทะเลไปยังประเทศกัมพูชา หลังมีรายงานว่าอาจมีการเล่นแร่แปรธาตุ โดยการนำเรือไทยไปรับน้ำมันประเทศที่ 3 หรือการถ่ายน้ำมันในน่านน้ำสากล ว่า เราต้องเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ เรามุ่งไปที่เรือไทย ไม่ว่าจะเป็นเรือไทยที่ชักธงชาติไทย หรือเรือไทยที่ชักธงสัญชาติใดก็ตาม ซึ่งอาศัยความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ ที่มีความชำนาญ เช่น กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กระทรวงพลังงาน ซึ่งมีการพูดคุยกันในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยกระทรวงกลาโหม ไม่ได้ดำเนินการตามลำพัง
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ไม่ใช่เป้าหมาย เราจะยึดคืน 100 % ใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ทุกเป้าหมาย 7 จังหวัด ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่ด้านใดด้านหนึ่ง แต่เราตอบโต้ป้องกันตัวเองอย่างได้สัดส่วน
เมื่อถามย้ำว่าพื้นที่ ทภ.1 จ.สระแก้ว ที่เราอาจเสียเปรียบด้านภูมิประเทศ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องเสริมยุทโธปกรณ์เพิ่มเติม เช่น ยานเกราะ ซึ่งได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 1 โดยการยึดที่หมายได้ ไม่ใช่ว่าต้องนำกำลังไปวางไว้ แต่ภาษาทหารเรียกว่าการคุ้มครองด้วยการยิง ซึ่งเมื่อเรายึดก็ยิง จนกว่ากัมพูชาจะสิ้นสุดการเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจน เปิดเผย ต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าวันเดียว แล้วเราหยุดเลย
เมื่อถามถึงการจัดทำงบประมาณปี 2570 มีการปรับรูปแบบให้เข้ากับสถานการณ์ เช่นการจัดหายุทโธปกรณ์ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เนื่องจากปีงบประมาณเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ภายหลังรัฐบาลยุบสภา ทำให้ปฏิทินงบประมาณเลื่อนออกไปอีก แต่ให้เตรียมการตั้งแต่บัดนี้ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมเราทำตามสภาพแวดล้อมในอดีต ที่ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านนั้นดี การจัดหายุทโธปกรณ์เพื่อป้องกันเท่านั้น แต่สถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป กัมพูชามีท่าทีเปลี่ยนไป เราก็ต้องปรับการทำงบประมาณ การจัดหายุทโธปกรณ์ที่ได้พูดคุยกับ ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ สองสิ่งที่อยากให้มอง คือ สรุปบทเรียรที่ผ่านมา และ อนาคตจะต้องทำอย่างไร จัดลำดับความเร่งด่วนในการจัดหายุทโธปกรณ์ในงบประมาณปี 2570 การที่งบประมาณเลื่อนไปอาจกระทบบ้าง จะทำให้ช้าลง แต่เราต้องใช้โอกาสตรงนี้จัดทำให้รอบคอบ จัดลำดับความเร่งด่วนให้ดี
เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นอดีตทหารและเป็นรุ่นพี่ ได้พูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ และน้องๆ ในกองทัพ อย่างไรบ้าง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เวลาลงพื้นที่ก็ขอให้ไม่ต้องจัดการต้อนรับ ขอให้ทำงานตามปกติ แต่ขอเวลามานั่งคุยกันแบบพี่น้อง ว่าพื้นที่ขาดสิ่งใดบ้าง แต่ถ้าเหลือก็ไม่ต้องบอก กระทรวงกลาโหมก็ยินดีสนับสนุน ซึ่งทางรัฐบาลให้นโยบายว่าพร้อมสนับสนุนเต็มที่
พร้อมกล่าวมั่นใจใน ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งสถานการณ์คืบหน้าตามลำดับ ภารกิจที่เราคุยกันก็เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว เจะหยุดยิงเมื่อฝ่ายกัมพูชาสิ้นสุดเป็นปฏิปักษ์ชัดเจน เปิดเผย ต่อเนื่อง ในภาพที่ออกมาจากสื่อที่รัฐบาลกัมพูชาพูดว่า พร้อมเจรจา อยากหยุดยิง แต่หน้าแนวยังระดมยิงกับเราทุกวัน ก็ต้องมีการหยุดยิงชัดเจนก่อน ถ้ากัมพูชาอยากหยุดยิง ก็หยุดเลย เราไม่มีไปรุกราน ซึ่งเราป้องกันตัวเองเท่านั้น ได้สัดส่วนและจำเป็น
“ถ้าเขาอยากหยุดยิงก็หยุด แล้วถอนกำลังที่เผชิญหน้าออกไป เราไม่มีการไล่ยิงตามยิงถึงพนมเปญอยู่แล้ว ถ้าเขาอยากหยุดยิง ก็ต้องทำให้เราเห็นก่อน ไม่ใช่ดีแต่พูด และไม่ทำ ที่เคยพูดอย่างเสมอ รัฐบาลกัมพูชาพูดอยู่เสมอ แต่แนวหน้าไม่ทำตาม เราก็อยากที่จะยุติ แต่เขายังมีความเป็นปฏิปักษ์ เราก็ต้องป้องกันตัวเอง ซึ่งเราห่วงกำลังพล และประชาชนที่ต้องไปอยู่ศูนย์พักพิง”
หลังตนลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ก็สงสาร ทุกคนก็น้ำตามซึม ได้ให้กำลังใจ ฝากทางผู้ว่าฯ ดูแล และเราจะพยายามดำเนินการให้ใช้เวลาไม่นานนัก ตนไม่อยากไปบอกว่าต้องกี่วัน ก็จะเป็นการกำหนดกฎเกณฑ์กองทัพ ซึ่งตนเชื่อมั่นใน ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพ เมื่อภารกิจเรียบร้อย เราก็จบภารกิจ ไม่ยืดเยื้อ เพราะการสูญเสียกำลังพลทำให้สะเทือนใจผู้บังคับบัญชา อะไรที่สามารถยุติสถานการณ์ได้ เราก็ยินดี
เมื่อถามว่าทางกระทรวงกลาโหมได้เตรียมข้อมูลให้รัฐบาลเพื่อเจรจากับทูตพิเศษกิจการเอเชีย กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่มี โดยเป็นข้อมูลปกติ เราพร้อมตอบทุกเรื่องอยู่แล้ว ไม่ต้องเตรีมอะไรเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่าการสิ้นสุดการเป็นปฏิปักษ์ของกัมพูชานั้นเป็นอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ก็จะมีคณะผู้บัญชาการทางทหารประเมิน ตนฟังความเห็นจากกองทัพ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องเวลาอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องท่าที การวางกำลัง โดยกัมพูชาต้องหยุดยิงชัดเจน เปิดเผย ต่อเนื่อง
เมื่อถามว่าในฐานะผู้บังคับบัญชาได้ไปตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจทหาร รวมถึงประชาชนในพื้นที่ชายแดนเท่าที่จะทำได้ และไม่กระทบต่อการทำงานของกำลังพลที่อยู่แนวหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2
ส่วนการที่ไปลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ก็ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแนวหลัง และพูดคุยกับผู้บังคับบัญชา ที่กองกำลังบูรพา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงกรณีการกู้ร่างทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะ พื้นที่เนิน 350 ปราสาทตาควายว่า กองทัพต้องการได้ร่างทหารกลับคืนมาโดยเร็ว แต่จะไปเร่งรัดก็ไม่ได้ เพราะต้องใช้ความ ระมัดระวัง
ทั้งนี้ยอมรับว่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นภาพที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้น เพราะเคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไปว่าหากเกิดการสู้รบในรอบนี้สถานการณ์จะหนักกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากการรบที่เร็วและได้เปรียบ หมายความว่าฝ่ายไทยจะต้องมีกำลังมาก แต่ครั้งนี้กำลังทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาใกล้เคียงกัน จึงทำให้การรบยืดเยื้อและสูญเสียมาก ในฐานะที่เคยเป็นเจ้ากรมยุทธการมาก่อนจึงเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และสามารถจินตนาการภาพออกว่าเมื่อเกิดการรบขึ้นเมื่อไหร่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการสูญเสีย
ดังนั้นที่ผ่านมาจึงพยายามแสดงท่าทีให้เกิดการเจรจา แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบรับ แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงวันนี้ก็ต้องเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อไป เพื่อให้ไปกัมพูชาสิ้นสุดการเป็นปรปักษ์หรือที่กองทัพบกใช้คำว่าให้กัมพูชาสิ้นสุดสภาพทางทหาร








