การเมืองทั่วไป

"เทพไท"แฉสันดานนักการเมืองยุคนี้

แชร์ข่าว

วันที่ 17 ธ.ค.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เทพไท - คุยการเมือง เรื่อง สันดานของนักการเมืองยุคนี้ ระบุว่า ช่วงนี้เราจะเห็นความเคลื่อนไหวทางการเมือง ของพรรคการเมืองต่างๆคึกคักเป็นพิเศษ มีพรรคการเมืองหลายพรรคเปิดตัวผู้สมัครส.ส. ที่ย้ายมาจากพรรคการเมืองอื่น บางพรรคมีกิจกรรมอบรมสัมมนาผู้สมัครส.ส.ทั้งในระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ แต่ที่น่าสนใจมีผู้สมัครส.ส.จำนวนหนึ่งที่เป็นส.ส.เก่า และย้ายมาจากพรรคการเมืองเดิม มาสังกัดพรรคการเมืองใหม่ โดยมีข้ออ้างถึงปัจจัยในการย้ายพรรค คือ

1.เลือกพรรคที่มีโอกาสเป็นรัฐบาล เพราะการเป็นส.ส.ในสังกัดฝ่ายรัฐบาล มีโอกาสช่วยเหลือประชาชน นำงบประมาณลงพื้นที่ และสามารถที่จะหาประโยชน์จากการเป็นฝ่ายรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการต่างๆ หรือการใช้อำนาจแฝง เพราะการเป็นฝ่ายค้านอดอยากปากแห้ง จึงไม่มีส.ส.คนใด อยากจะลงสมัครในพรรคที่มีโอกาสเป็นฝ่ายค้าน จะเลือกพรรคที่มีโอกาสเป็นรัฐบาลสูงมากกว่า

2.คำนึงถึงเงินทุนสนับสนุนจากพรรคการเมือง เราจะเห็นได้ว่ามีการย้ายจากพรรคการเมืองเดิม ที่เป็นพรรคการเมืองเล็ก มีเงินทุนสนับสนุนน้อย ไปสังกัดพรรคการเมืองใหญ่ที่มีเงินทุนสนับสนุนมาก จะไม่มีการย้ายจากพรรคการเมืองใหญ่มาสู่พรรคการเมืองเล็กเลย จึงทำให้เห็นว่าส.ส.ที่ย้ายพรรคคำนึงถึงเงินทุนมากที่สุด เพราะเงินทุนเป็นปัจจัยชี้ขาดในการเลือกตั้ง

3.คำนึงถึงอำนาจรัฐหรืออำนาจนอกระบบ เพื่อเข้ามาช่วยเหลือในการเลือกตั้ง เพราะระหว่างที่มีการรณรงค์หาเสียงกัน อาจจะชิงไหวชิงพริบ มีความได้เปรียบเสียเปรียบกันในการหาเสียง ถ้าอำนาจรัฐอยู่ในฝ่ายพรรคการเมืองที่สังกัด ก็สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองได้

4.จะต้องเลือกพรรคที่มีคอนเน็คชั่นกับองค์กรอิสระ เพราะถ้าหากว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็สามารถวิ่งเต้น ล็อบบี้องค์กรอิสระได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรอิสระที่ให้คุณให้โทษกับการเลือกตั้ง จึงเลือกพรรคการเมืองที่เชื่อว่าสามารถที่จะช่วยเหลือ วิ่งเต้นหรือสั่งการให้รอดจากข้อหา หรือคำร้องเรียน หรือการทุจริตในการเลือกตั้งได้

5.เลือกพรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองใหญ่ มีนักการเมืองหลายคนสนใจ ถ้าได้สังกัดพรรคการเมืองนี้แล้วก็เป็นการตัดคู่แข่งคนอื่นๆที่สมัครเข้ามาแข่งขันออกไป หรือจะเรียกว่าการฮั้วทางการเมือง หรือสมประโยชน์ทางการเมืองก็เป็นไปได้

การที่นักการเมืองย้ายพรรคเป็นจำนวนมาก ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าืเป็นนักการเมืองขายตัวบ้างทนักการเมืองโสเภณีบ้าง นักการเมืองที่ไร้ซึ่งอุดมการณ์บ้าง แต่นักการเมืองเหล่านี้ ก็จะมีข้ออ้างในการย้ายพรรคคือ

1.ย้ายพรรคเพราะอุดมการณ์เดียวกัน ซึ่งเป็นข้ออ้างให้ดูดีเท่านั้น แต่ในข้อเท็จจริงแล้วการย้ายพรรคบ่อยๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับอุดมการณ์ บางคนเลือกตั้งทุกครั้งย้ายพรรคทุกครั้ง และไม่ได้คิดถึงอุดมการณ์เลย เมื่อไม่พอใจพรรคเก่าก็เร่ไปหาพรรคใหม่ เปลี่ยนพรรคเป็นว่าเล่น ถ้าหากยึดมั่นอุดมการณ์จริง คงจะไม่เปลี่ยนพรรคบ่อย หรือเปลี่ยนพรรคมากเหมือนที่นักการเมืองในยุคปัจจุบันทำอยู่

2.จะอ้างว่ามีปัญหากับพรรคการเมืองเก่า เพราะพรรคการเมืองเก่าไม่สนับสนุน อยู่ไปก็ขัดแย้งกับผู้บริหาร ขัดแย้งกับเพื่อนในพรรค มักจะอ้างว่า“คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก” อยากไปอยู่ในพรรคที่อยู่แล้วสบายใจ

3.จะอ้างว่าเมื่อสังกัดพรรคการเมืองใหม่แล้ว จะมีโอกาสทำงานให้กับประชาชนในพื้นที่ได้มากกว่า สามารถนำโครงการนำผลประโยชน์ หรือดูแลประชาชนในสารทุกข์สุกดิบได้มากกว่าพรรคการเมืองเดิม

4.จะอ้างเรื่องเสียงเรียกร้องจากพื้นที่ จากหัวคะแนนว่า อยากจะให้สังกัดพรรคการเมืองนี้ ดีกว่าการสังกัดพรรคการเมืองเก่า ซึ่งไม่มีกระแสนิยมทำให้หาเสียงยาก จึงจำเป็นต้องย้ายพรรค ไปหาพรรคการเมืองใหม่

ทั้งหมดนี้คือข้ออ้างของนักการเมือง นักเลือกตั้งในยุคนี้ จะฟังขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชนจะจับได้ไล่ทันหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของประชาชนในแต่ละพื้นที่ แต่ปัจจัยชี้ขาดของการย้ายพรรคที่สำคัญมากที่สุด ก็คือเงินทุนการสนับสนุนจากพรรคการเมือง การพูดถึงราคาค่าตัวนักการเมืองยุคนี้ เกรด A ราคา 80 ล้านบาท เกรดบี ราคา 50 ล้านบาท เกรด C ราคา 30 ล้านบาท เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกินความจริงมากนัก

จึงทำให้เห็นการตัดสินใจของนักการเมืองในยุคนี้ แม้ว่าจะอ้างเรื่องอุดมการณ์เป็นหลัก แต่ในความเป็นจริง จะอ้างเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของเงินทุนในการเลือกตั้งมากกว่าอุดมการณ์

แชร์ข่าว