วันที่ 17 ธ.ค.68 นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Kamnoon Sidhisamarn ระบุข้อความว่า สรุปว่าไม่มีการออกเสียงประชามติในเรื่อง MOU ไทย-กัมพูชาทั้ง 2 ฉบับ 2543 และ 2544 แน่นอนแล้วนะ โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามความเห็นด้านข้อกฎหายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะผลการออกเสียงประชามติตามกฎหมายปัจจุบันมีผลเป็นข้อยุติ รัฐบาลต้องปฏิบัติตาม ดังนั้นหากรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเป็นรัฐบาลที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่หลังจากยุบสภาแล้ว ดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติไปก็จะมีผลผูกพันกับรัฐบาลหน้าหลังเลือกตั้ง ถือว่าต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169(1) ทำไปก็ขัดรัฐธรรมนูญ
ลำพังความเห็นทางข้อกฎหมายที่เป็นเหตุผลหลักแล้ว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายังมีเหตุผลเสริมอีกหนึ่ง
โดยอ้างความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ก่อนหน้านี้ ที่ให้ข้อสังเกตว่าการออกเสียงประชามติเรื่อง MOU จะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลผลได้ผลเสียอย่างกว้างขวางในหลายแง่มุมตามกฎหมาย อาจส่งผลกระทบต่อการเจรจาระหว่างประเทศอย่างรุนแรง ไม่เป็นผลดีในภาพรวมแก่ประเทศ จึงควรพิจารณาให้รอบคอบ
แต่ถึงจะไม่มีการออกเสียงประชามติอย่างแท้จริง ขออนุญาตเสนอ ณ ที่นี้ว่าพรรคการเมืองทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคใหญ่ ๆ อาจประกาศเป็นนโยบายหลักในการรณรงค์หาเสียงได้ว่าพรรคของท่านเห็นควรให้คงไว้หรือยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชาทั้ง 2 ฉบับ โดยหากจะแยกเป็นรายฉบับคือ 2543 และ 2544 ก็ยิ่งดี
ก็อาจจะพอพูดได้ว่าเป็นการออกเสียงประขามติทางอ้อมผ่านการเลือกตั้งทั่วไปได้ระดับหนึ่ง








