วันที่ 16 ธ.ค.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เทพไท คุยการเมือง ระบุว่า...
ข้อเสนอแนะต่อ กกต.และรัฐบาล
ผมเห็นข่าวนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะทำงานเข้าพบและปรึกษาหารือกับคณะกรรมการเลือกตั้งหรือ กกต.เกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เช่นการกำหนดวันเลือกตั้ง การทำประชามติเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ การทำประชามติเกี่ยวกับ MOU43 และ MOU44 การขออนุมัติโครงการคนละครึ่งเฟส2 ซึ่งเรื่องทั้งหมดกกต.ก็ได้กำหนดมาแล้ว เช่น
เรื่องกำหนดวันเลือกตั้งกกต. ได้ประกาศไทม์ไลน์ จัดให้มีการเลือกตั้งในวันวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ให้มีการรับสมัครส.ส.ในระบบเขต วันที่ 27-31 ธันวาคม 2568 กำหนดให้มีการสมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และยื่นรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค ในวันที่ 28-31 ธันวาคม 2568เช่นเดียวกัน และกำหนดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2509 ซึ่งเป็นไปตามกำหนดและกรอบกฎหมายที่กกต.สามารถทำได้
ส่วนกระเด็นเกี่ยวกับการทำประชามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งโดยกฎหมายแล้วมีการกำหนดกรอบระยะเวลา 60 วัน ซึ่งกำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันว่า ถ้าจะทำพร้อมกับวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 จะอยู่ในกรอบเวลา 60 วันหรือไม่ ซึ่งนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณได้ออกมาแสดงความเห็นส่วนตัวว่า สามารถทำได้ แต่ว่ามีผู้คัดค้านว่าไม่น่าสามารถจะทำได้ เพราะเลยกรอบระยะเวลาไป
ส่วนเรื่องการทำประชามติ MOU43 และ MOU44 ซึ่งรัฐบาลอ้างว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาแล้ว อยากทำประชามติเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ผมขออนุญาตแสดงความเห็นส่วนตัวว่า ไม่สนับสนุนให้มีการทำประชามติสอบถามประชาชนเกี่ยวกับการยกเลิก MOU43 และ MOU44 เพราะถ้าจะถามเรื่องนี้ต่อประชาชนนั้น ประชาชนทั้งประเทศต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ MOU43 และ MOU44 อย่างถ่องแท้ แต่ในขณะนี้เห็นได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ ไม่รับรู้ ไม่ได้ศึกษา และไม่มีข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ MOU43 และ MOU44เลย ไม่สามารถจะใช้ดุลพินิจตัดสินลงประชามติได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ จะทำให้ผลของประชามติไม่ตรงตามเจตนารมย์ของการจะมีอยู่หรือยกเลิก MOU43 และ MOU44 หรือไม่ และสถานการณ์ประเทศไทยยังอยู่ในการสู้รบการสงครามกันระหว่างไทยกับกัมพูชา และมีผลกระทบต่อการทำประชามติ MOU43 และ MOU44 ถ้าจะทำประชามติสอบถามความเห็นเรื่องนี้พร้อมกันในวันเลือกตั้งส.ส. อาจจะเป็นเครื่องมือหรือเป็นประเด็นทำให้พรรคการเมืองนำไปรณรงค์หาเสียง ซึ่งผลประชามติจะไม่เที่ยงธรรมและตรงไปตรงมา
ผมจึงแสดงความเห็นว่า รัฐบาลไม่ควรจะทำประชามติเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าจะอ้างว่าเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาก็ตาม เพราะมีนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาหลายเรื่อง แต่ไม่สามารถทำได้ และไม่สามารถที่จะทำสำเร็จได้ การจะทำประชามติเกี่ยวกับ MOU43 และ MOU44 ก็ไม่ใช่ความผิดหรือความจำเป็นของรัฐบาลที่จะต้องทำ จึงขอแสดงความเห็นคัดค้านเรื่องนี้มายังรัฐบาลว่า ควรจะยกเลิกการทำประชามติเกี่ยวกับ MOU43 และ MOU44 ส่วนการทำประชามติเกี่ยวกับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ขอให้เป็นดุลย์พินิจของรัฐบาล ที่จะดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย
ส่วนประเด็นการขออนุมัตินโยบายคนละครึ่งเฟส2ของรัฐบาล แม้ว่าจะเป็นนโยบายที่รัฐบาลผลักดันมาก่อนการยุบสภาก็ตาม แต่เมื่อมีการยุบสภาเกิดขึ้นแล้ว มีกฎหมายต้องห้ามไม่ให้รัฐบาลรักษาการดำเนินการในประเด็นอะไรบ้าง และการที่จะอนุมัติใช้เงินงบประมาณ ต้องขออนุญาตต่อคณะกรรมการเลือกตั้งหรือกกต. ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นที่สุ่มเสี่ยงต่อการหาเสียง และมีผลได้เสียกับพรรคการเมืองต่างๆ จึงเห็นว่าเรื่องนี้รัฐบาลไม่ควรผลักดันหรือขออนุมัติจาก กกต. และกกต.ก็ไม่ควรอนุมัติโครงการที่มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับคะแนนเสียงของพรรคการเมือง
ผมจึงแสดงความเห็นมายังรัฐบาลและกกต.ได้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจในประเด็นเหล่านี้ต่อไป
#เทพไท #MOU43 #MOU44 #ประชามติ #กกต #การเมืองไทย #เลือกตั้ง2569 #รัฐธรรมนูญ #คนละครึ่งเฟส2 #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้







