“อนุทิน” ลั่น เป็นนายกฯ ลอยตัวไม่ได้ ต้องรับผิดชอบประเทศ รับคุย “ทรัมป์” ย้ำไทยตอบโต้สาสม พร้อมส่งคลิป BM-21 พิสูจน์ใครเริ่มก่อน
เมื่อเวลา 09.10 น.วันที่ 15 ธ.ค.68 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ออกรายการ "กรรมกรข่าว คุยนอกจอ" โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ซึ่งพิธีกรได้สอบถามนายอนุทินว่า พักผ่อนเพียงพอหรือไม่ ซึ่งนายอนุทิน ตอบว่า โอเค
โดยพิธีกรถามถึงการลงพื้นที่จ. บุรีรัมย์และจ.สุรินทร์ เพื่อเยี่ยมเยียนประชาชนที่อาศัยอยู่ในศูนย์อพยพ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไปเยี่ยม ต่อให้เรามีความสะดวกแค่ไหนก็ไม่เท่าอยู่กับบ้านทุกคนก็ถามว่าเมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน ซึ่งตนก็บอกว่าไม่นานแต่อยากจะให้มีความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ก่อน จึงจะกลับบ้านได้อยู่ตรงนี้ปลอดภัย อยู่ตรงนี้ลูกหลานที่เป็นทหาร ที่ไปดูแลชายแดน จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเขาต้องใช้สมาธิในการสู้รบ ซึ่งตนก็พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงอยู่ตลอดเวลาว่าการปกป้องดินแดนและรักษาอธิปไตยของเราต้องมีรูปแบบและมีเป้าหมายซึ่งทางฝ่ายกองทัพได้รายงานตนถึงเป้าหมายและกำหนดการต่างๆถ้านับตั้งแต่วันที่เราดำเนินการมาจนถึงวันนี้ ก็ต้องถือว่าอยู่ในเป้าหมาย
“ผมไม่สามารถบอกในรายละเอียดเป้าในการดำเนินการของทหาร แต่เป้าหมายที่ทหารเข้ายึดพื้นที่ได้ แต่ไม่ได้เป็นการทำลายขีดความสามารถ ไม่ได้หมายความว่าเข้าไปถล่มให้แหลกลาญกันไปข้างหนึ่ง แต่เราเข้าไปยึดครองพื้นที่ทำให้มีการถอยร่นของฝ่ายตรงข้าม และเพียงทำให้เขาเห็นว่าเราเป็นประเทศที่คุณจะมารุกล้ำ มาคุกคามอธิปไตย มาทำร้ายคนของเราไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านไม่ได้ทั้งนั้น และดินแดนของเราเรามีการสถาปนาชัดเจนอยู่แล้วว่าตรงไหนเป็นของเราใช้แผนที่มาตรา 1:50000 มาโดยตลอด สุดท้ายคือต้องพยายามไปให้ถึงจุดที่ไม่มีใครอยากจะปะทะ แต่เราต้องปะทะเพื่อหยุดปะทะ“ นายกฯ กล่าว
จากนั้นพิธีกรถามว่าตอนนี้ใกล้แล้วหรือยัง นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ถ้าในเรื่องของการเข้ายึดพื้นที่ พร้อมพยักหน้าและตอบว่า “อืม”
พิธีกรถามอีกว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมือนนายกฯลอยตัวไม่ตัดสินใจ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อให้อยากจะลอยก็ลอยไม่ได้ จะพยายามวิ่งไปไหนเดี๋ยวก็มีคนเกี่ยวกลับเข้ามา ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็แล้วแต่สุดท้ายความรับผิดชอบต่อของประเทศนี้ มันอยู่ที่รัฐบาลอยู่แล้ว แต่การตัดสินใจไปรบอย่างไร มันไม่ใช่ การตัดสินใจของตน แต่การตัดสินใจในเรื่องของการสนับสนุน ฝ่ายความมั่นคงให้ดำเนินการอย่างไร เป้าหมายเป็นอย่างไรจะต้องมีการสนับสนุนทั้งงบประมาณ ทั้งกำลังพลและการสนับสนุนอยู่ข้างหลังอย่างไร โดยกรอบจะต้องมาจากรัฐบาลและมีการประชุมหารือร่วมกันกับสภาความมั่นคง(สมช.)ตลอดเวลา
พิธีกรถามต่อว่าคิดอย่างไรที่บางฝ่ายบอกว่ากัมพูชาอาจจะต้องการเบี่ยงเบน เพราะกำลังมีการยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์สินบุคคลใกล้ชิดของเขาที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ จึงยั่วยุเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อทำให้ เรื่องสแกมเมอร์หายไปเป็นเรื่องไทย-กัมพูาแทน นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่หายหรอก เรารู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการอะไร แต่ตนคิดว่าเขาต้องการเบี่ยงเบนประเด็นในเรื่องการมีวัตถุ มีทุ่นระเบิดในพื้นที่ตรงนั้นเยอะไปหมด เพราะเขาไม่ใช่ประเทศที่จะใฝ่หาสันติอยู่แล้ว
นายอนุทิน ชี้แจงกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ว่า ทุกฝ่ายทั้งนายโดนัลด์ ทรัมป์ นายอันวาร์ อยู่ต่างประเทศเวลาพูดคุยเขาต้องฟังแต่รายงานบอกว่าไม่มีทุ่นระเบิด ทุ่นระเบิดเก่า แต่ฟังรายงานใคร ตนไม่ทราบ แต่ตอนลงพื้นที่ไปเห็นกับตา ตรงนี้เวลามาพูดก็ต้องถูกหักล้างโดยคนที่เห็นหน้างานจริง โดย วันที่พูดคุยกับนายนายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ท่านก็บอกว่าเราตอบโต้แรงไปด้วยซ้ำ และสาสมแล้ว ตนบอกว่า เดี๋ยวจะส่งรูปและวิดีโอคลิปที่ยิงจรวด BM-21 ไปให้ ถามว่าใครแรงกว่าใครมันพิสูจน์ได้ด้วยสิ่งที่มันเกิดขึ้น
“เวลาคุยกับผู้นำต่างชาติตั้งแต่มีเรื่องอังเคิล ผมก็ไม่กล้าเวลาคุยกับผู้นำต่างชาติ ผมต้องมีประจักษ์พยานด้วย พูดจริงๆ ไม่งั้นเดี๋ยวก็หาว่าแต่งเรื่องเองหรือเปล่า ผมไม่กล้า เดี๋ยวจะเป็นปัญหาเราก็ต้องเปิดเผย ย้ำว่าไม่ได้มีการพูดว่าให้หยุดยิงเวลา 4 ทุ่มคืนวันนั้น เขาก็พูดว่าให้หยุดแต่ในทางปฏิบัติอยู่ดีๆบอกว่า 4 ทุ่มหยุดกำลังจะตะลุมบอลกันอยู่ ความจริงแล้วคนที่บอกจะหยุดหรือไม่หยุดเป็นคู่กรณีกัน ผมก็ได้ยืนการกับเขาไปบอกว่าให้ไปบอกฝั่งโน้น ท่านโดนัลด์ ทรัมป์ ท่านอันวาร์ ท่านเป็นบุคคลที่ 3 ท่านจะบอกว่ายิงต่อไปไม่ได้หรอก ท่านต้องบอกหยุดยิงอย่างเดียว หยุดสู้รบและท่านก็ไม่ได้คาดคั้น มันบอกไม่อยากให้มีสงครามท่านหยุดสงครามมาแล้วท่านมีมิชชัน ของท่านที่ไม่อยากให้เกิดการสู้รบกันถามว่าท่านก็พูดถูกหมด ท่านอันวาร์บอกว่าอนุทินคุณก็เพื่อนผม ท่านฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ก็เพื่อนผม ผมไม่ต้องการเห็นเพื่อนทะเลาะกัน ท่านก็พูดถูกต้องหมด แต่ประเทศไทยก็ต้องบอกว่าท่านต้องไปบอกคนที่มาตีเราก่อนให้หยุด เราจะได้ไม่ต้องตอบโต้แล้วมานั่งคุยกัน เราคุยกัน 3-4 ครั้งแล้ว ก่อนที่ผมจะเข้ามาและผมยอมไปทำปฏิญญา สำหรับผมการปฏิบัติโคตรง่ายเลย 4 ข้อไม่ได้ยากเลยไม่มีอะไรที่ต้องคิดมาก ท่าเยอะหรืออะไรเยอะเลย” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้บอกนายโดนัลด์ ทรัมป์ นายอันวาร์ ให้ไปพูดกับกัมพูชา เรื่องหยุดยิง ซึ่งตนได้พูดไปชัดเจน และท่าทีของนายโดนัลด์ก็ไม่ได้มีอาการกดดันอะไร ตนขอสรุปง่ายๆ เราลงนามกับกัมพูชา เราปฏิบัติครบ 4 ข้อ กัมพูชาปฏิบัติไม่ครบ อาวุธทั้งหลายคุณเล็งมาใส่ ต้องเอาออกไปให้หมดตนไม่ใช่ว่าตึงทั้งหมด ตนไม่ได้อยากรบ และไม่ต้องการรบ รบทุกวันก็เสียหายทุกวัน เรามีเรื่องกันก็ต้องเจ็บทั้งคู่ประชาชนเกี่ยวข้องมีชีวิตทหารและชีวิตผู้คนทั้ง 2 ประเทศ ไม่ใช่ว่าเราอยากเห็นคนไทยปลอดภัย แต่เราอยากเห็นประชาชนฝั่งตรงข้ามไม่อยากให้เขาเป็นอะไรเลย ถามว่าตนสบายใจไหมตนไม่สบายใจ โดยเฉพาะเรื่องชีวิตของคนแต่ว่าในเรื่องของประเทศของอธิปไตยมันมีหน้าที่ที่เราจะต้องดำเนินการ ไม่มีหัวหน้ารัฐบาลชุดไหนที่อยากจะให้เกิดการสู้รบ ตนได้พูดกับนายกฯอันวาร์บ่อย มีความสนิทสนมมากกว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ท่านโทรศัพท์หา ถ้าตนมีอะไรด่วนก็โทรศัพท์หาท่านและรับสายตนทุกครั้ง นายกฯอันวาร์ เข้าใจประเทศไทย
”ณ ตอนนี้ เรายังไม่ได้รับการติดต่อโดยตรงจากคู่กรณีของเรา(ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา) และวันนี้ทำไมเราต้องยอม เราไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเรามีปฏิญญาอยู่มันชัดเจน คุณต้องไปบอกเขา ถ้ากลับเข้ามาต้องมาในบริบทที่ประเทศไทยรู้สึกปลอดภัยแล้ว เราไม่ได้ต้องการที่จะมีเรื่องมีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านใดๆทั้งสิ้นไม่ว่าประเทศไหน เขาเป็นคนผิดสัญญา นอกจากคุณเบี้ยวแล้ว คุณยังทุบผมต่อ เรื่องการเรียกร้องให้นำดาวเทียมมาตรวจสอบว่าใครเป็นคนยิงก่อนนั้น คุณเป็นใคร คุณมีสิทธิ์อะไรเอาดาวเทียมมาจับการปฏิบัติการทางทหารของประเทศผม การเอาดาวเทียมมาจับต้องการให้เห็นว่าเราตอบโต้แรง มันมีหรือทะเลาะกัน พอคุณยิงใส่ผมไม่เป็นอะไร เราไม่ได้เริ่มก่อน ถ้าจะดีกันต่างคนต่างถอยมันง่ายกว่า และผมว่ามันคงจะไม่ไปถึงวันเลือกตั้งหรอก ไม่มีใครอยากขัดแย้ง ทุกวันที่มีความขัดแย้งความเสียหายเกิดขึ้น“นายอนุทิน กล่าว







