เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รักษาการสามารถเดินหน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ต่อได้หรือไม่ โดยย้ำว่าการพิจารณาต้องยึดตามกรอบกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 ซึ่งมีสาระสำคัญ 4 ประเด็นคือ
งานและโครงการต้องอยู่ในปีงบประมาณนั้น หากไม่อยู่ในปีงบประมาณปัจจุบัน อาจไม่สามารถดำเนินการได้
การแต่งตั้ง โยกย้าย หรือให้พ้นจากตำแหน่งบางตำแหน่ง ต้องได้รับความเห็นชอบจาก กกต. โดยเฉพาะตำแหน่งที่ ครม.มีมติแต่งตั้งหรือโยกย้าย ต้องส่งให้ กกต.อนุมัติ
งบกลางห้ามอนุมัติผูกพัน เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจาก กกต. เพื่อไม่ให้เกิดการใช้งบประมาณผิดวัตถุประสงค์ในช่วงรัฐบาลรักษาการ
การใช้ทรัพยากรของรัฐ ต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพราะอาจเข้าข่ายใช้งบกลางหรือส่งผลต่อความเป็นธรรมของการแข่งขันทางการเมือง ซึ่งหาก ครม.ต้องการดำเนินโครงการใดที่เข้าข่ายดังกล่าว ต้องเสนอขอความเห็นชอบจาก กกต.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการที่ผ่านมติ ครม.แล้วแต่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมจำเป็นต้องขอ กกต.ทุกครั้งหรือไม่ นายแสวงระบุว่า แม้จะสามารถขอมาที่ กกต.ได้ แต่การพิจารณาต้องตั้งอยู่บนหลักสำคัญคือ ต้องไม่ทำให้เกิดความได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมือง พร้อมย้ำว่า แม้ กกต.จะเป็นผู้มีอำนาจพิจารณา แต่ทุกคำวินิจฉัยต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมของการแข่งขันเป็นสำคัญ
#คนละครึ่งพลัสเฟส2 #คนละครึ่งพลัส #กกต #รัฐบาลรักษาการ #แสวงบุญมี #มาตรา169 #เลือกตั้ง #ความเป็นธรรมทางการเมือง #ข่าวการเมือง #ข่าวด่วน #SEOข่าว








