วันที่ 10 ธ.ค. 68 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... โดยมีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ลุกขึ้นอภิปรายโดยระบุว่า สิ่งที่สมาชิกรัฐสภากำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งตรงกับ "วันรัฐธรรมนูญ" อันเป็นวันที่ประชาชนฝากความหวังไว้ว่าจะได้เห็นรัฐธรรมนูญที่เขียนด้วยมือของประชาชนเอง แต่ประชาชนที่รับชมการถ่ายทอดสดคงต้องรู้สึกผิดหวังกับมติของกรรมาธิการเสียงข้างมากที่ตัดส่วนของการให้ประชาชนเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ออกไป
นางสาวนันทนา กล่าวว่า การที่กรรมาธิการเสียงข้างมากตัดสิทธิ์การเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยประชาชน แล้วเปลี่ยนให้รัฐสภาเป็นผู้เลือกผู้สมัครกันเองนั้น ถือว่าขัดต่อหลักการของร่างหลักที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นผู้เสนอและรัฐสภาได้เคยลงมติรับหลักการไว้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการบิดเบือนเจตจำนงของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะตลอดระยะเวลา 93 ปีของประชาธิปไตยไทยที่มีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 20 ฉบับ ประชาชนไม่เคยมีโอกาสได้ร่างรัฐธรรมนูญด้วยมือของตนเองอย่างแท้จริง แม้แต่ฉบับปี 2540 ที่ถือว่าใกล้เคียงกับประชาชนมากที่สุด ก็ยังไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง
นอกจากนี้ นางสาวนันทนา ยังได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงสภาพปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันว่า ที่ผ่านมามีนิติกรฝีมือดีร่างรัฐธรรมนูญให้มีความซับซ้อนและซ่อนอำนาจไว้อย่างแนบเนียน จนกลายเป็นรัฐธรรมนูญที่อัปลักษณ์เกินกว่าจะกล่าวถึงได้หมด โดยเฉพาะประเด็นที่มาของ สว. ซึ่งมาจากการเลือกกันเองหรือมีการฮั้วกันเข้ามา ทำให้ประชาชนไม่ได้เป็นผู้เลือก แต่กลับมีอำนาจมหาศาลในการให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระ หรือควบคุมการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ต้องใช้เสียงถึง 1 ใน 3 ซึ่งไม่มีความยึดโยงกับประชาชน ในทางกลับกันอำนาจของประชาชนกลับถูกเพิกเฉย ไม่สามารถลงชื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ต่างจากองค์กรอิสระที่มีอำนาจกว้างขวาง สามารถถอดถอนนายกรัฐมนตรีได้รายปีและยุบพรรคการเมืองได้รายเดือน
"ทั้งหมดเป็นตัวอย่างของการร่างรัฐธรรมนูญโดยนิติกรที่คุยโม้ว่าเป็นฉบับปราบโกง แต่ตลอดการบังคับใช้ดัชนีคอร์รัปชันของไทยกลับพุ่งสูงขึ้น บทบัญญัติจริยธรรมไม่ได้ควบคุมการทุจริตแต่กลายเป็นเครื่องมือทำลายนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ประชาชนจึงไม่ต้องการนักกฎหมายที่รับใช้เผด็จการ ทั้งนี้ วิธีการที่กรรมาธิการเสนอให้รัฐสภาเลือกผู้สมัครกันเองในสูตร 20 หยิบ 1 นั้น จะยึดโยงกับประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อ สว. ไม่ได้มาจากประชาชน โดยเฉพาะ สว.เสียงข้างมากสามารถหยิบผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้ถึง 7-8 คน ส่วนที่เหลือต้องอิงกับพรรคการเมืองเพื่อให้ได้รับเลือก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน" นางสาวนันทนา กล่าว
ในช่วงท้าย สว.นันทนา ได้ย้ำเตือนสมาชิกรัฐสภาว่า เรายังไม่เข็ดอีกหรือกับการเลือกกันเองในรูปแบบเดียวกับ สว. ที่ไม่ได้มาจากประชาชน ซึ่งเมื่อเข้ามาแล้วก็ไม่เคยสร้างประโยชน์ให้ประชาชน แต่มุ่งรักษาอำนาจของตนเอง เช่น การเสนอขออยู่จนครบวาระ 5 ปี หรือขออำนาจแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้ตนเองไปเป็น สส. หรือรัฐมนตรีต่อ ดังนั้น หากได้คนร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้มาจากประชาชน ก็ย่อมคำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์สาธารณะ และอาจเปิดช่องให้กลุ่มก๊วนที่ฮั้วกันเข้ามาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มทุนสีเทาหรือแก๊งสแกมเมอร์ได้
"เราไม่อาจฉุดรั้งกงล้อประวัติศาสตร์ไม่ให้เคลื่อนไปข้างหน้าฉันใด เราก็ไม่อาจหยุดยั้งพัฒนาการของรัฐธรรมนูญได้ฉันนั้น วันนี้ต้องมีความหวังกับการเดินทางของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังจะสถาปนาขึ้นด้วยมือของประชาชน และจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุดในรอบร้อยปีและสถิตสถาพรอยู่กับเราตราบนานเท่านาน จึงขอเรียกร้องไปยังสมาชิกรัฐสภาขอให้ลงมติกับองค์กรร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกของประชาชน" นางสาวนันทนา กล่าว







