วันที่ 10 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ) โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ….. ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว โดยเป็นการพิจารณาเรียงตามลำดับรายมาตรา บรรยากาศเริ่มดุเดือดขึ้นเมื่อเข้าสู่การพิจารณามาตรา 3 ว่าด้วยการคัดเลือกที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะกรรมาธิการฯ ผู้สงวนความเห็น ได้ลุกขึ้นอภิปรายโดยเริ่มต้นด้วยการแสดงความเสียใจและไว้อาลัยให้กับผู้สูญเสียจากสถานการณ์น้ำท่วมและภัยสงคราม พร้อมกล่าวด้วยความสะเทือนใจถึงคำพูดสุดท้ายของทหารนายหนึ่งที่ระบุว่า "ผมมีลูก" ซึ่งตนเองก็มีลูกและวันนี้ก็มาทำหน้าที่เพื่อชาติในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน
น.ส.รัชนีกร ได้อภิปรายตำหนิการทำงานของสมาชิกรัฐสภาอย่างดุเดือด โดยตั้งคำถามถึงความจำเป็นในการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งต้องใช้งบประมาณแผ่นดินสูงถึงหลักหมื่นล้านบาท ทั้งที่สามารถเลือกแก้ไขเป็นรายมาตราได้โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ พร้อมระบุว่ารู้สึกอนาถใจกับการเมืองรูปแบบนี้ และเรียกร้องให้นำงบประมาณดังกล่าวไปใช้แก้ปัญหาน้ำท่วมหรือวิกฤตสงครามแทน เพราะนักการเมืองยังคงมุ่งแต่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ โดยในส่วนของมาตรา 3 นั้น ตนเสนอว่าควรแก้ไขเนื้อหาให้นำผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาเป็นเพียงที่ปรึกษา แต่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญตัวจริงควรมาจากสมาชิกรัฐสภา ทั้ง สส. และ สว. เนื่องจากเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมที่เข้ามาทำหน้าที่
"สมาชิกรัฐสภาควรมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองกระทำไป ถ้าท่านอยากแก้ ท่านก็ต้องกล้ารับผิดชอบ และกล้าเปิดหน้า ว่าอยากแก้ตรงไหน ไม่ต้องใช้ร่างทรง" น.ส.รัชนีกร กล่าว
ทางด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ. ได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญได้รับรองเรื่องการเปิดประชุมสมัยวิสามัญไว้อยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องบัญญัติมาตรา 3 ไว้อีก ส่วนการอภิปรายของ น.ส.รัชนีกร ถือเป็นรายละเอียด จึงเห็นชอบตามที่ผู้แปรญัตติเสนอให้ตัดมาตราดังกล่าวออกทั้งมาตรา ภายหลังการอภิปราย ที่ประชุมได้ลงมติโดยเสียงข้างมากเห็นด้วยกับการแก้ไขของกรรมาธิการฯ ในมาตรา 3 คือให้ตัดออกทั้งมาตรา ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 513 เสียง ไม่เห็นชอบ 3 เสียง และงดออกเสียง 6 เสียง







