“โอฬาร” หนุนรัฐไล่เส้นเงินเครือข่าย “เบน สมิธ” หลังยึด-อายัดเงินเทาหมื่นล้าน ย้ำต้องลงโทษผู้กระทำผิดทั้งตัวเล็กตัวใหญ่
รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เรียกร้องให้ภาครัฐเดินหน้าตรวจสอบ “เส้นทางเงิน” เครือข่ายเบน สมิธ และการเชื่อมโยงกับกลุ่มธุรกิจสีเทาอย่างจริงจัง พร้อมย้ำว่า การตรวจสอบทางการเงินสำคัญกว่าการเมืองเรื่องภาพถ่าย
รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่า ขณะนี้สังคมให้ความสนใจกับภาพถ่ายเก่า ซึ่งปรากฏบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับทุนสีเทา–สแกมเมอร์ ถ่ายร่วมกับนักการเมืองไทยหลายคน แต่การตีความจากภาพเพียงใบเดียวอาจนำไปสู่ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ส่วนตัวขอให้ความเป็นธรรมกับบุคคลในภาพ และขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบที่มากกว่าการเอาภาพถ่ายมาโจมตีกันไปมา
“ภาพถ่ายกับใครก็ถ่ายได้ แต่เงินสีเทาเดินทางไปหาใครต่างหากที่สำคัญ” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า ภาพถ่ายอาจเป็นเพียงมารยาททางสังคม การพบปะ หรือความบังเอิญ ไม่ใช่เครื่องชี้ความสัมพันธ์เชิงลึกทางผลประโยชน์ จึงไม่ควรใช้ภาพจากอดีตเป็นหลักฐานตัดสิน
สิ่งที่อยากเรียกร้องคือ การไล่ตรวจสอบ “เส้นเงิน” ของแก๊งสแกมเมอร์ว่าไปถึงใครบ้าง ตรงนั้นต่างหากที่จะทำให้ประเทศไทยสะอาดขึ้น
รศ.ดร.โอฬารเสนอว่า ประชาชนควรตั้งคำถามให้ถูกจุดว่า
1. เงินจากกลุ่มธุรกิจสีเทาไหลไปที่ไหน?
2. ใครเป็นผู้รับประโยชน์?
“ตรงนี้ ขอสนับสนุนการทำงานของฝ่ายตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหนก็ตาม ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เห็นแก๊งสแกมเมอร์ทูลทาวน์ทำร้ายคนไทยมานานมากแล้ว ถึงเวลาต้องยุติฝันร้ายตรงนี้ได้เสียที”
เขาย้ำว่า เงินไม่เคยโกหก ไม่ว่ากลุ่มสแกมเมอร์จะปกปิดตัวเองเก่งแค่ไหน ร่องรอยเงินสามารถพิสูจน์ได้ว่าใครคือผู้รับผลประโยชน์ และเครือข่ายเชื่อมโยงไปถึงใคร
สำหรับกรณีล่าสุดที่ ปปง. อายัด–ยึดทรัพย์เครือข่ายสแกมเมอร์มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท รศ.ดร.โอฬาร เห็นว่าเป็น “ผลงานเชิงประจักษ์” ของรัฐ แต่ขอให้ทำงานหนักกว่านี้
“สิ่งสำคัญคือ ต้องให้คนผิดได้รับโทษ ไม่ว่าจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่ ปล่อยทิ้งไว้นานไม่ได้เด็ดขาด”
“การยึดและอายัดทรัพย์มากขนาดนี้ เงินหมื่นล้านบาทมีเส้นเงินมากมาย มั่นใจได้ว่าโยงใยไปได้หลายเครือข่าย ส่วนจะเป็นใคร ประชาชนเองก็อยากรู้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังแบบถอนรากถอนโคน โอกาสมาแล้ว ขอให้รัฐบาลพิสูจน์ฝีมืออย่างเต็มที่”








