ทบ.ไทยย้ำปฏิบัติการใช้อาวุธมุ่งเฉพาะ “เป้าหมายทางทหาร” ตามหลักมนุษยธรรมสากล โต้กัมพูชาบิดเบือนไทยโจมตีพลเรือน เพื่อเบี่ยงประเด็นจากข้อกล่าวหาลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตแดนไทย
จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 กระทรวงสารสนเทศกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจของนายลี ทุจ รองประธานองค์การ CMAA ระหว่างเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ณ กรุงเจนีวา โดยระบุว่าได้หารืออย่างไม่เป็นทางการกับนาง Pamela Moraga ผู้อำนวยการหน่วยสนับสนุนการปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยการใช้ระเบิดลูกปราย (Cluster Munitions Convention Implementation Support Unit) พร้อมกล่าวอ้างว่า “แม้ประเทศไทยจะไม่ใช่ภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดลูกปราย แต่การใช้ระเบิดลูกปราย โดยเฉพาะต่อพลเรือน ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อกฎหมายระหว่างประเทศ หลักพลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวว่า “กัมพูชายังคงใช้กลยุทธ์เผยแพร่ข้อมูลเท็จและบิดเบือนข้อเท็จจริง เช่นเดียวกับหลายกรณีที่ผ่านมา เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นจากข้อเท็จจริงตามหลักฐานของฝ่ายไทย ที่ยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชามีการลักลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ในพื้นที่ชายแดน ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียต่อทหารไทย และขัดต่อหลักสากลอย่างร้ายแรง”
โฆษกกองทัพบกย้ำว่า “ทุกการปฏิบัติการของกองทัพบกไทย การใช้อาวุธกระสุน และวัตถุระเบิดทางทหารจะกระทำต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เช่น สิ่งปลูกสร้างหรือยานพาหนะทางทหารที่เกี่ยวข้องกับการคุกคามอธิปไตยของชาติ โดยเฉพาะคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชนไทย การใช้อาวุธทุกประเภทอยู่ภายใต้แผนการใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างรอบคอบ ใช้เมื่อจำเป็นอยู่ภายใต้กรอบกติกาเคร่งครัด ตามหลักมนุษยธรรม โดยไม่มุ่งเป้าต่อที่อยู่อาศัยหรือพื้นที่พลเรือน”
ในส่วนที่กัมพูชากล่าวอ้างถึง อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเด็ก และพยายามนำมาเชื่อมโยงให้ร้ายฝ่ายไทยนั้น พบว่าเป็นเหตุลักษณะเหมือนการนำวัตถุระเบิดเก่ามาแกะเพื่อใช้ประโยชน์จากเศษโลหะ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น นอกเขตพื้นที่การปะทะ ในพื้นที่พักอาศัย และ ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการของกองทัพบกไทย แต่อย่างใด
โดยตลอดเหตุการณ์ปะทะไทย–กัมพูชาที่ผ่านมา มีเพียงฝ่ายกัมพูชาที่ใช้อาวุธโจมตีพื้นที่พลเรือนไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งมีพยานหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจน แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลับเลือกใช้วิธีการสร้างข่าวบิดเบือนเพื่อใส่ร้ายไทย และเบี่ยงความสนใจจากการกระทำผิดของตนเอง
ทั้งนี้ ไทยจะดำเนินการทุกขั้นตอนบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่นานาชาติเชื่อถือได้ มากกว่าคำกล่าวอ้างของฝ่ายกัมพูชาที่ปราศจากหลักฐานรองรับ







