การเมืองทั่วไป

"ชวลิต" ทสท. ซัดมท.ตกต่ำ ปมแก้น้ำท่วมหาดใหญ่ล้มเหลว-โยกย้ายเอื้อการเมือง

แชร์ข่าว

วันที่ 3 ธ.ค.68 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้ความเห็นต่อการแก้ไขปัญหาอุทกภัยหาดใหญ่ของรัฐบาลว่า ในฐานะที่เป็นคนมหาดไทยคนหนึ่ง รู้สึกห่วงใยองค์กรจะเสียหาย ไม่ได้รับความเชื่อมั่น เพราะผู้นำให้ความสำคัญกับมิติการเมืองมากกว่าหลักการ

แม้จะนับถือกันเป็นการส่วนตัว แต่ก็ต้องขอให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า กระทรวงมหาดไทยภายใต้การบริหารของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นยุคที่การเมืองเข้ามาล้วงลูกมากที่สุด เป็นยุคที่ตกต่ำมาก ๆ ในสายตาของคนมหาดไทยและประชาชนทั่วไป ด้วยเหตุผล ดังนี้

1. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขาดความกล้าหาญที่จะรับผิดชอบในการแก้วิกฤตสาธารณภัย ด้วยการใช้กฎหมายที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการเอง คือ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการแก้ปัญหาสาธารณภัยในรูปคณะกรรมการ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับจังหวัด ไปจนถึงระดับท้องถิ่น

กฎหมายดังกล่าวให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธานคนที่หนึ่ง (ม.16) คนเดียวกันควบสองตำแหน่ง เป็นทั้งประธานและรองประธานคนที่หนึ่ง

ที่สำคัญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยังเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ มีอำนาจควบคุมและกำกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้เป็นไปตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ทั่วราชอาณาจักร

รูปแบบการบังคับบัญชาและการประสานงานในภาวะวิกฤตกับส่วนราชการต่าง ๆ ทั้งของมหาดไทย ตั้งแต่ส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น รวมถึงส่วนราชการอื่น ๆ ตลอดจนองค์กรสาธารณกุศล (มูลนิธิ สมาคม) (ม.42) เป็นลักษณะ single command มีเอกภาพ ไม่สับสนอย่างที่เป็นอยู่

การจัดองค์กรในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยหาดใหญ่ที่ผ่านมาไม่เป็นเอกภาพ ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาตั้งแต่การเตือนภัย การอพยพประชาชน ฯลฯ เป็นไปอย่างไร้ประสิทธิภาพ

การที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่ใช้กฎหมายที่กำหนดอำนาจ หน้าที่ ภารกิจของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นกฎหมายที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการ ถือเป็นความผิดพลาดบกพร่องต่อหน้าที่ เพราะเกิดความเสียหายอย่างมาก ทั้งชีวิตคนและทรัพย์สิน แทนที่จะบรรเทาความเสียหายให้ลดลงได้หากวางแผนถูกต้อง

2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่ได้ใช้ระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชนเป็นหลัก แต่กลับแต่งตั้งโยกย้ายเพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่า โดยไม่มียุคไหนที่การแต่งตั้งโยกย้ายจะไร้เหตุ ไร้ผล ไร้หลักเกณฑ์เท่ายุคนี้ จนข้าราชการส่วนใหญ่ขาดขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่

ยกตัวอย่าง จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นจังหวัดที่ประสบอุทกภัยอย่างรุนแรงที่สุด อำเภอหาดใหญ่เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ตามกฎหมายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้อำนวยการจังหวัด (ม.14)

แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลแล้ว รู้สึกรับไม่ได้กับการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดที่ไร้หลักเกณฑ์ใด ๆ รองรับ นับเป็นการแต่งตั้งตามอำเภอใจ ไม่เคยปรากฏในยุคใด สมัยใดมาก่อน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้รับการแต่งตั้งอย่างพิสดาร ดังนี้

ดำรงตำแหน่ง ผวจ. พัทลุง (24 ธ.ค. 67 – 30 ก.ย. 68 เป็นเวลา 9 เดือน 6 วัน)

ดำรงตำแหน่ง ผวจ. กระบี่ (1 ต.ค. 68 – 11 พ.ย. 68 เป็นเวลา 1 เดือน 10 วัน)

ดำรงตำแหน่ง ผวจ. สงขลา (12 พ.ย. 68 – ปัจจุบัน)

มาดำรงตำแหน่ง ผวจ. สงขลา ไม่กี่วันก็เกิดวิกฤตอุทกภัยหาดใหญ่ การแก้ไขปัญหาจึงขาดประสิทธิภาพ ล้มเหลว

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลอีกมากมายเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการมหาดไทยเพื่อประโยชน์ทางการเมืองในการเลือกตั้งและประโยชน์อื่น ทั้งในรัฐบาลนี้และในรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่กล่าวขานโดยทั่วไปว่าเป็นการเอาคืนกันระหว่างรัฐมนตรีมหาดไทยจากพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคใดชนะ แต่คนที่ช้ำคือประชาชน และกระทรวงมหาดไทยที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่น

ปัจจุบัน ผมได้รับการประสานจากอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงมหาดไทยหลายท่าน เพื่อปรึกษาหารือเรื่องการนำระบบคุณธรรมมาใช้ในการแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการรุ่นหลัง ๆ อย่างน้อยให้มีหลักเกณฑ์ใกล้เคียงศาลและอัยการ เพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นสถาบันมหาดไทย เป็นข้าราชการที่มีเกียรติ ไม่ใช่เป็นคนของนักการเมือง

3. สำหรับการทำหน้าที่ของปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นรองผู้บัญชาการเหตุการณ์ เข้าใจดีว่าท่านต้องทำตามนโยบายทางการเมืองของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปัญหาก็วนกลับมาที่ฝ่ายการเมือง เพราะเป็นผู้แต่งตั้งและนำเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรี

หากการเมืองสุจริต ยึดระบบคุณธรรม มีหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายที่เป็นธรรม ปัญหาก็จะเกิดน้อยลง เป็นประโยชน์ต่อทางราชการและประชาชน

4. อย่างไรก็ตาม ขอให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี จังหวัด และท้องถิ่น ทุกอย่างต้องเดินหน้าแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนหลังน้ำลด ต้องทำพร้อมกัน ทั้งด้านสาธารณสุข การทำความสะอาดบ้านเรือน สถานที่ราชการ การเยียวยาผู้ประสบภัยทั้งเมือง ฯลฯ ทั้งหมดอยู่ที่การวางแผนอย่างเป็นระบบ ขอให้กำลังใจทุกภาคส่วน

ท้ายที่สุด เป็นเรื่องสำคัญที่คนไทยมักลืมเมื่อเวลาผ่านไป (เหมือนลืมเรื่องตึก สตง. ถล่มหาคนผิดไม่ได้) คือ สาธารณภัยเกิดขึ้นได้เสมอทุกปีโดยไม่รู้ล่วงหน้า

การจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการจัดตั้งงบประมาณเพื่อซักซ้อมแผนเป็นสิ่งจำเป็น แต่กลับมองข้าม ตั้งแต่แผนการเตือนภัย แผนเผชิญเหตุ แผนอพยพ สถานที่รองรับผู้ประสบภัย รถ เรือ ฯลฯ ตลอดจนแผนการฟื้นฟู

เฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่หาดใหญ่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ใหญ่กว่าอำเภอเมืองสงขลาเสียอีก จำเป็นต้องฟื้นฟูโดยเร็วและวางแผนป้องกันอย่างถูกหลักวิชาการ

เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า สภาพภูมิประเทศของตัวเมืองหาดใหญ่เป็นแอ่งกระทะ ทุก ๆ ปีน้ำก็ท่วม จะท่วมน้อย ท่วมมาก หรือท่วมมหาศาลก็ตาม

เวลาหนึ่งปีจากนี้ไป แป๊บเดียว ควรเร่งทบทวนระบบผังเมือง และการระบายน้ำทางวิศวกรรม ให้น้ำไหลออกจากแอ่งกระทะในตัวเมืองหาดใหญ่ไปยังที่ต่ำคือทะเลโดยด่วนที่สุด

ความเห็นในวันนี้ จึงเป็นการยกตัวอย่างความผิดพลาดเพื่อนำไปแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีกซ้ำซาก พร้อมรับข้อเสนอแนะไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป ///

แชร์ข่าว