นายกฯ เผย ‘ในหลวง’พระราชทานเงินส่วนพระองค์ ช่วยผู้เสียชีวิตน้ำท่วมหาดใหญ่ รายละ 2 หมื่นบาท ถกครม.เศรษฐกิจเร่งเยียวยา เข้า ครม.พรุ่งนี้ สั่ง ‘สธ.’ ระดมจิตแพทย์ลงพื้นที่ดูแล หวั่นปชช.เป็นซึมเศร้า กำชับ ‘ดีอี’อัพเกรดระบบเตือนภัย
เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 1 ธ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 6/2568 โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
โดยนายกฯ กล่าวเปิดการประชุมตอนหนึ่งว่า ทุกช่วงบ่ายของวันจันทร์จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีมหันตภัย สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้ร่วมกันออกมาตรการต่างๆในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งตนเห็นว่าเนื่องจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาเป็นเมืองเศรษฐกิจ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อุทกภัยในครั้งนี้ ทำให้มีผลกระทบอย่างรุนแรงมากในเรื่องของเศรษฐกิจต่อทั้งตัวจังหวัดเอง ผู้ประกอบการ และต่อประชาชนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบของการเสริมสร้างรายได้ของพวกเขา ตนจึงได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านให้มาร่วมประชุมกับทางคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้นำหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ตลอดจนสมาคมทางด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆลงไปในพื้นที่ เพื่อให้พวกท่านได้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะเราจะต้องเร่งทำการฟื้นฟูให้ส่วนที่เสียหายไปนั้นได้กลับมามีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างรายได้และทำให้โอกาสต่างๆกลับคืนมาต่อไป เรื่องของการฟื้นฟูตัวจังหวัด ล้างบ้าน ล้างเมือง และเร่งนำประชาชนกลับเข้าบ้านให้เร็วที่สุด
นายกฯ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เชิญพระราชกระแสเนื่องด้วยเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบเหตุ โดยเฉพาะครอบครัวผู้เสียชีวิต จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รับศพผู้เสียชีวิตทุกรายไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ รวมทั้งให้กำลังใจกับบุคลากรทางการแพทย์และจิตอาสา ทั้งนี้ได้พระราชทานเงินจำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้แก่โรงพยาบาลหาดใหญ่ และซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ทดแทนที่เสียหายและจากพระราชทานโดรนสำหรับค้นหาและส่งอาหาร ยุทธภัณฑ์ต่างๆให้แก่กองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เพื่อใช้ในการช่วยเหลือประชาชน ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
นายกฯ กล่าวว่า ในการนี้ตนได้รับการแจ้งย้ำว่าขอให้ดำเนินการรับศพผู้เสียชีวิตทุกรายไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ซึ่งหมายความว่าในส่วนของผู้ที่เป็นชาวพุทธจะมีการพระราชทานเพลิงให้กับทุกราย ส่วนผู้ที่ศาสนามุสลิมจะมีการพระราชทานดินฝังศพ ตามประเพณีและวัฒนธรรมที่ดำเนินกันมาอยู่แล้ว ฉะนั้นตรงนี้ขออนุญาตแจ้งผ่านปลัดกระทรวงมหาดไทยให้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอที่มีผู้เสียชีวิตได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด อย่าให้ตกหล่น
“ผมได้รับแจ้งมาว่าจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเงินช่วยเหลือแก่ผู้เสียชีวิตรายละ 20,000 บาท ซึ่งเป็นเงินจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ตรงนี้ขอให้กำชับว่าให้ดำเนินการตามประเพณีและให้ทำรายงานแจ้งกลับราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำความกราบบังคมทูลให้พระกรุณาทรงทราบว่าได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว“นายกฯกล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ได้รับข้อเสนอจากประธานสภาหอการค้าไทย และภาคีภาคเอกชนต่างๆ ได้มีข้อเสนออยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุน ก็จะส่งมอบให้นายเอกนิติ ได้ช่วยรับข้อเสนอต่างๆเหล่านี้ เพื่อจัดทำแนวทางในการช่วยเหลือที่เหมาะสมอย่างเร่งด่วน ตอนนี้ในส่วนของสถานการณ์ได้เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นมาก น้ำลดลงแล้วเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ยกเว้นพื้นที่ต่ำหรือมีน้ำท่วมขัง ทางผู้ว่าราชการจังหวัด นายกอบจ. สงขลา ยังดำเนินการดูแลฟื้นฟูสภาพเมืองอยู่ทุกวัน วันนี้มีเรื่องต่างๆมากมายที่ต้องเร่งในการฟื้นฟูเยียวยา จะใช้มติของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อเร่งดำเนินการให้การช่วยเหลือโดยเร็ว เพื่อที่จะนำเสนอให้ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในการประชุมวันที่ 2 ธ.ค.นี้ และในการเข้าร่วมประชุม เพื่อเตรียมมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟู หลังเหตุการณ์ในเรื่องของการช่วยเหลือฟื้นฟูจะต้องเร่งสปีดไปข้างหน้าเพื่อให้ประชาชนพลิกฟื้นความเลวร้ายต่างๆของพวกเขาให้กลับมาสู่การมีโอกาสต่างๆให้มากขึ้นโดยเร็ว ซึ่งไม่ได้มีแค่เพียงมิติเศรษฐกิจเท่านั้น แต่จะต้องเร่งดูแลทั้งในเรื่องของการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ไฟฟ้า ประปา อินเตอร์เน็ต ให้กลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด
นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงเรื่องสุขภาพจิต สุขภาพกายของผู้ประสบอุทกภัย โดยขอให้รมว.สาธารณสุข เร่งดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อทำให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด คนที่สูญเสียทั้งบ้านเรือน สูญเสียธุรกิจ และสูญเสียรายได้ สูญเสียครอบครัว เราจะต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิดมากๆ เพื่อให้เขาไม่มีอาการซึมเศร้าถึงขั้นอันตรายที่จะไปทำในสิ่งที่ไม่มีใครต้องการให้มันเกิดขึ้น จึงต้องฝากรมว.สาธารณสุขด้วย ทราบดีว่าท่านได้จัดเตรียมทีมลงไปดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว จึงขอเน้นย้ำว่าตอนนี้หลังจากน้ำลดลงแล้วชาวบ้านกลับเข้าบ้านได้แล้ว ไปเห็นสภาพความเสียหายของบ้าน เห็นการสูญเสียของโอกาสต่างๆ ตนคิดว่ามันสามารถทำให้เกิดความหดหู่ทางจิตใจ ซึ่งจะพัฒนาไปสู่เรื่องการซึมเศร้า และนำไปสู่สิ่งที่ไม่พึงประสงค์ได้ ดังนั้นต้องเกณฑ์จิตแพทย์ และนักจิตวิทยา ลงไปดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิดด้วย
นายกฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่ได้หารือ เช่น การปรับปรุงการเตือนภัยอย่างเร่งด่วน การจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิต ซึ่งเรื่องของการเตือนภัยเร่งด่วนได้หารือกับรมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจกิจและสังคม(ดีอี) แล้ว ซึ่งรัฐมนตรีจะได้ไปหาหนทางและวิธีการ และหาแพลตฟอร์มในการอัปเกรดการเตือนภัยให้เร่งด่วนและมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ เรื่องสำคัญ ในเบื้องต้นที่จะเร่งดูแลพี่น้องประชาชน คือการจ่ายเงินเยียวยา ทั้งเยียวยาในรายครัวเรือนและเยียวยาในเรื่องของผู้เสียชีวิต ตนจะให้ทางรมว.คลังได้นำเสนอให้ที่ประชุมได้รับทราบ และตนได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย เร่งนำเสนองบประมาณในการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและครอบครัวผู้ประสบภัยเข้าครม.ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้.








