รวมไทยสร้างชาติ ตั้งศูนย์ประสานงานแก้วิกฤติผู้ประสบอุทกภัย พีระพันธุ์ จี้ รัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วม อย่าดูเฉพาะหาดใหญ่ ห้ามลืมจังหวัดอื่นด้วย แนะ 3 ข้อฟื้นฟู-เยียวยาภาคใต้ มอง รบ.ไม่ใช้อำนาจที่ถูกต้อง สั่งการตามระเบียบ ลั่น ไม่ใช่วันที่จะมารื้อฟื้นว่าใครผิดใครถูก เปิดสภาเจอกระทู้ถามแน่
วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นายชัชวาลล์ คงอุดม เลขาธิการพรรค นายวิทยา แก้วภราดัย นายชื่นชอบ คงอุดม รองหัวหน้าพรรค รวมถึงผู้บริหาร และสมาชิกพรรค แถลงข่าวถึงปัญหาอุทกภัยที่เพิ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ โดยนายพีระพันธุ์กล่าวว่า ความจริง ปัญหาน้ำท่วมไม่ได้เพิ่งเกิดที่ภาคใต้ เมื่อช่วงที่ผ่านมา เริ่มเกิดขึ้นที่ภาคกลาง ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สิ่งเหล่านี้อยากเรียกร้องให้รัฐบาลอย่าลืมแม้วันนี้เหตุรุนแรงเกิดขึ้นที่หาดใหญ่แต่ที่จังหวัดอื่นยังมี สำหรับเหตุที่เกิดขึ้นที่ภาคใต้ไม่ได้มีเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลาเท่านั้น ขอรัฐบาลอย่าตกหล่นจังหวัดอื่นด้วย เช่นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช สตูล ตรัง พัทลุง นราธิวาส ปัตตานี และจังหวัดยะลา
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า วันนี้ที่ต้องตระหนักคือจากนี้เมื่อน้ำลดแล้วต้องทำอะไรต่อไป จึงถือโอกาสนี้ให้กำลังใจพี่น้องทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ และช่วงที่ผ่านมาพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงพื้นเพื่อประเมินสถานการณ์ สิ่งที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะช่วยดำเนินการให้ประชาชนได้ คือการจัดตั้งศูนย์ประสานงานแก้วิกฤติผู้ประสบอุทกภัยพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อเป็นพี่เลี้ยงให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทุกพื้นที่ โดยประชาชนสามารถติดต่อพรรคได้ในทุกช่องทาง เช่น โทรศัพท์หมายเลข 062-2627416 และ ที่เพจ Facebook พรรครวมไทยสร้างชาติ
นายพีระพันธุ์ ยังได้เสนอ 3 ขั้นตอนให้รัฐบาลเร่งแก้ไขคือ ข้อ 1.เร่งแก้ 5 เรื่องสำคัญ ได้แก่ หนึ่ง ความสับสนเรื่องตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ รัฐบาลควรเร่งรัดและดำเนินการประกันตัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่ถูกต้องในทุกจังหวัด และเร่งระดมการตรวจสอบอย่างเปิดเผยโดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ สถาบันนิติเวช ควรตั้งคณะกรรมการอิสระที่เป็นที่เชื่อถือของสาธารณะเพื่อตรวจสอบตัวเลขให้เกิดความชัดเจนน่าเชื่อถือต่อสังคม , สอง ตั้งหน่วยรับแจ้งบุคคลสูญหายและผู้เสียชีวิตให้ประชาชนสามารถแจ้งได้ทุกพื้นที่จังหวัด รวมถึงการวางระบบรายงาน ตรวจสอบและติดตามผลโดยวิธีที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว , สาม จัดตั้งหน่วยรับแจ้งความเสียหายของบ้านเรือน ร้านค้า และกิจการหรือธุรกิจต่างๆ และ การวางระบบผลการติดตามตรวจสอบ , สี่ การแก้ระบบบริการสาธารณะให้กลับมาบริการประชาชนโดยเร็วที่สุด ทั้งไฟฟ้า ประปา น้ำมันเติม แก๊สหุงต้ม และสัญญาณอินเตอร์เน็ต และ ห้า เร่งวางระบบรักษาความปลอดภัยให้ประชาชน และการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหลักนำ
ข้อ 2. มาตรการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ได้แก่ หนึ่ง ควรตรวจสอบรายชื่อจำนวนผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต บ้านเรือน ร้านค้าที่เสียหาย เพื่อจ่ายเงินเยียวยาให้แล้วเสร็จไม่เกิน 1 เดือนหลังจากนี้ , สอง จัดระบบบริการน้ำดื่ม และรถฉีดน้ำแรงดันสูง เพื่อทำความสะอาดบ้านเรือนกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล และขยะ , สาม แก้ไขปัญหาการคมนาคมให้เร็วที่สุดแต่ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อยานพาหนะที่เสียหายจากอุทกภัย ส่วนนี้ควรระดมหน่วยงานของรัฐ และจิตอาสาเข้าซ่อมแซมรถยนต์เหล่านี้ให้กลับมาใช้งานและเคลื่อนย้ายได้โดยเร็วที่สุด , สี่ วางระบบตรวจสอบสถานการณ์ฝน และปริมาณน้ำที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไป โดยวางระบบสั่งการและการอพยพอย่างเป็นระบบตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และ ห้า การควบคุมราคาตั๋วเครื่องบินที่วันนี้เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้น ส่วนนี้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งควบคุมไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น อย่าให้ขึ้นราคาตั๋วเครื่องบินโดยไม่มีเหตุสมควร และเป็นการซ้ำเติมประชาชน
ข้อ 3. มาตรการระยะสั้น ได้แก่ หนึ่ง จัดเตรียมหน่วยให้คำปรึกษาและรับฟังปัญหาของประชาชนเพื่อช่วยผ่อนคลายความเครียดและฟื้นฟูสภาพจิตใจให้ประชาชน , สอง จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจการค้า และเปิดเผยพื้นที่ให้ประชาชนสามารถเข้ามาค้าขายเพื่อเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในระยะสั้น , สาม ปรับอัตราเงินเยียวยาความเสียหายบ้านเรือนให้เหมาะสม ไม่ใช่หลังละ 9,000 บาท และจัดงบกลางให้เพียงพอเพื่อเป็นงบฉุกเฉินให้ประชาชนกลับมาฟื้นฟูกิจการร้านค้า , สี่ เร่งทำความสะอาด และฟื้นฟูโรงงาน สถานศึกษา ให้เด็กนักเรียนและนักศึกษากลับเข้าเรียนได้ตามปกติ และควรจัดหาทุนพิเศษสำหรับครอบครัวที่ประสบเหตุและไม่มีความสามารถในการชำระค่าเรียน และ ห้า จัดตั้งโรงครัวเพื่อบริการอาหารให้ประชาชนอย่างเพียงพอและทั่วถึง ทั้งนี้ ขอให้กำลังใจประชาชนทุกคนทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบในส่วนนี้ และขอให้รัฐบาลลงพื้นที่ดูแลอย่างครบถ้วน ขอให้ทุกคนผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยดีและเป็นบทเรียนที่ดี
เมื่อถามว่าประเด็นอุทกภัยที่เกิดขึ้นมองว่ารัฐบาลและภาคส่วนต่างๆ ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วหรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่วันที่จะมารื้อฟื้นว่าใครผิดใครถูก เรื่องนี้สังคมได้เห็นกันอยู่แล้ว ส่วนตัวมองว่าส่วนที่เกิดขึ้นรัฐบาลไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ได้ใช้อำนาจที่ถูกต้อง และไม่ได้สั่งการตามระบบที่ได้วางแผนไว้ เพราะหากเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีหลายหน่วยงานที่ติดตามข้อมูลและได้แจ้งข้อมูลให้ส่วนกลางรับทราบเป็นระยะแล้ว แม้ตอนเกิดเหตุก็มีการแจ้งเตือน แต่คนที่รับผิดชอบทำไมไม่นำไปดำเนินการต่อ
ส่วนระยะที่เสนอแผนเร่งรัดให้ฟื้นฟูอยากเห็นรัฐบาลทำสำเร็จภายในกรอบเวลาเท่าไรนั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนเคยเป็นรัฐบาลมาก่อน หลายเรื่องที่จะทำยังติดขัดในระบบราชการ แต่ทั้งหมดนี้ถ้ารัฐบาลสามารถประกาศเป็นกรณีฉุกเฉินได้ คิดว่าภายใน 1 เดือนจะสามารถทำได้แล้วเสร็จ ที่สำคัญต้องเปิดกว้างให้อาสาสมัครเข้ามาช่วย แทนที่จะให้หน่วยงานของรัฐ หรือ ปภ.เข้ามาสำรวจทั้งหมดนั้นเป็นไปไม่ได้ วันนี้ต้องระดมองค์กรบริหารท้องถิ่น และอาสาสมัคร มาตรวจสอบ หากทำในส่วนนี้ได้คิดว่าภายใน 1 เดือนจะสามารถจ่ายเงินชดเชยได้
เมื่อถามว่าเมื่อเปิดสมัยประชุมสภาแล้วจะใช้บทบาทของสภาดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะตั้งกระทู้ และเสนอเรื่องให้คณะกรรมาธิการการพิจารณา สำคัญที่สุดสถานการณ์วันนี้เรื่องยอดผู้เสียชีวิตควรมีคณะกรรมการที่เชื่อถือได้มาตรวจสอบให้ชัดเจน เช่น ที่ผ่านมา พรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงพื้นที่ และได้รับการประสานแจ้งว่าทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ต้องการรถคอนเทนเนอร์สำหรับแช่แข็งที่สามารถเก็บรักษาศพผู้เสียชีวิต เมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ประสานจัดการและรถถึงพื้นที่แล้วพบว่า รถคอนเทนเนอร์เพียงพอแล้ว คันที่จัดเตรียมไว้จึงต้องส่งกลับ จึงทำให้เกิดความสับสนและไม่เป็นสิ่งที่ดีต่อรัฐบาล







