การเมืองทั่วไป

ไม่เข้าข่ายใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง! “ศาลรธน.” ตีตกคำร้อง MOA “พรรคประชาชน–ภูมิใจไทย” ชี้เป็นเพียงความเห็นทางการเมือง

แชร์ข่าว

ไม่เข้าข่ายใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง! “ศาลรธน.” ตีตกคำร้อง MOA “พรรคประชาชน–ภูมิใจไทย” ชี้เป็นเพียงความเห็นทางการเมือง

 

เมื่อวันที่ 26 พ.ย.68 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ บริษัท ไอเอ็มที กรุ๊ป จำกัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า การกระทำของพรรคประชาชน ผู้ถูกร้อง ที่จัดทำบันทึกข้อตกลง ทางการเมือง (MOA) กับพรรคภูมิใจไทยเป็นการทำข้อตกลงนอกกรอบรัฐธรรมนูญ ผูกพันอำนาจอธิปไตย ของประชาชนและองค์กรตามรัฐธรรมนูญล่วงหน้าโดยไม่ผ่านกระบวนการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญ หมวด 16 การปฏิรูปประเทศ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง

 

นอกจากนี้ ผู้ถูกร้องสนับสนุนนโยบายสกุลเงินดิจิทัล ของรัฐ และแนวคิดการคลังแบบกระจายศูนย์ กระทบต่อหลักความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอธิปไตยทางการคลัง ของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 และมาตรา 174 ละเมิดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 77 เป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองในฐานะวิสาหกิจเพื่อสังคมที่มี หน้าที่ดำเนินการเพื่อการปฏิรูปประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213

 

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสาร ประกอบเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของผู้ร้องเกี่ยวกับการจัดทำบันทึกข้อตกลงทางการเมือง (MOA) ซึ่งเป็นการเจรจาหรือการประกาศเจตจำนงทางการเมืองร่วมกันของผู้ถูกร้องกับพรรคภูมิใจไทย ไม่ปรากฏข้อเท็จจริง หรือพยานหลักฐานอื่นที่ชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นได้ว่าผู้ถูกร้องกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49วรรคหนึ่ง กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

 

ส่วนที่ผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 นั้น แม้ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่เมื่อพิจารณาประเด็นที่ผู้ร้องยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว ปรากฏว่าเป็นการขอให้เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาวินิจฉัย กรณีกฎกระทรวง ฉบับที่ 13 (พ.ศ.2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พุทธศักราช 2485 มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 มาตรา 40 ถึง มาตรา 43

 

และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการตราพระราชกำหนด ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการยืนตามคำร้องนี้ กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 46ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ผู้ร้องยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดและอัยการสูงสุดมีหนังสือแจ้งว่าการกระทำของผู้ถูกร้องยังไม่เข้าข่ายเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จึงมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ