วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ได้ให้ข้อมูลภายหลังการประชุมของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งมีการพิจารณาทั้งในวาระเช้าและบ่าย โดยในช่วงเช้าได้มีการพิจารณาติดตามความคืบหน้าเรื่องแก๊งสแกมเมอร์ และการฟอกเงินผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่เชื่อมโยงกับนาย ฮุน โต ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายฮุน มาเนต และบริษัทฮุยวันเปย์ หรือหุ้น Huione Group อย่างไรก็ตาม ก่อนการลงรายละเอียดในวาระดังกล่าว คณะกรรมาธิการได้มีการหารือถึงเรื่องสำคัญเร่งด่วนคือปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หาดใหญ่
จากสถานการณ์น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อประชาชน กรรมาธิการจึงมีมติให้ส่งข้อเสนอแนะในการบริหารจัดการกรณีอุทกภัยต่อท่านนายกรัฐมนตรีโดยด่วนที่สุด หนึ่งในสี่ข้อเสนอที่คณะกรรมาธิการเห็นว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากคือการนำ Starlink มาใช้ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดย Starlink เป็นอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำที่สามารถใช้ได้ไม่ว่าผู้ใช้จะอยู่ ณ จุดใดบนโลก ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท SpaceX ที่มีเจ้าของคือ Elon Musk แม้ว่า Starlink อาจไม่ใช่ทุกอย่างที่จะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ทั้งหมด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในหลายพื้นที่ที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตถูกตัดขาดหรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานไม่สามารถเข้าถึงได้ การใช้เครื่องมือนี้จะเกิดประโยชน์อย่างมาก กรรมาธิการเห็นบทเรียนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ Starlink ได้อย่างมีคุณภาพและเก่งมาก หากนำมาใช้ในทางที่ดีย่อมสามารถช่วยบรรเทาสารพัดภัยได้
มติเสนอแนะในการใช้ Starlink คือการให้เป็นเครื่องมือในการกระจายสัญญาณไปยังศูนย์บัญชาการกู้ภัยและหน่วยย่อยในพื้นที่ประสบภัย นอกจากนี้ ข้อเสนอแนะอีกสามข้อที่เหลือรวมถึงการทำงานต้องเป็นแบบมีเอกภาพ (single) ไม่ใช่แบบสะเปะสะปะ, การจัดเตรียมอุปกรณ์และสถานะที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด, และการสื่อสารรวมถึงสิ่งของจำเป็นต้องมีความพร้อม
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ผลลัพธ์ที่เกิดจากการรับมือของรัฐบาลในปัจจุบันยังไม่เป็นไปตามที่ต้องการ เนื่องจากปรากฏภาพที่น่าสะเทือนใจว่าประชาชนจำนวนมากต้องสูญเสียบ้าน อาชีพ และเงินจนหมดตัว ดังนั้น แม้จะมีการดำเนินการตามระเบียบกระบวนการหรือไม่ก็ตาม แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือประชาชนยังคงได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก จึงขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และขอให้มีการเร่งรัดการนำงบประมาณแผ่นดินมาใช้ในการบรรเทาสถานการณ์ให้มากที่สุด พร้อมเสนอว่าสิ่งของจำเป็นที่ผู้ประสบภัยต้องการนอกเหนือจากอาหารและน้ำสะอาด อาจเป็น Power Bank เพื่อรักษาพลังงานสำหรับการติดต่อสื่อสาร
ในส่วนของการพิจารณาเรื่องสแกมเมอร์และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่พิจารณาต่อมา นายรังสิมันต์เชื่อว่าตอนนี้ฝ่ายปฏิบัติเริ่มจับหลักได้แล้ว และคณะกรรมาธิการกำลังใกล้ที่จะทลายรังหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินได้มากขึ้น แม้ทิศทางโดยรวมอาจจะยังไม่น่าพอใจนัก แต่ก็เริ่มเห็นความก้าวหน้าบางอย่าง คาดหวังว่าสำนักงาน ปปง., ตำรวจไซเบอร์, สอบสวนกลาง จะทำงานร่วมกัน และจะมีความชัดเจนที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า และจะสาวไปถึงตัวใหญ่ของสแกมเมอร์ได้ในช่วงต้นปีหน้า หากได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ขณะนี้มีเคสที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินเป็นจำนวนมาก อาจจะเกิน 100 เคส ที่มีผู้เสียหายและเส้นทางการเงินชัดเจน ข้อเสนอของกรรมาธิการคือให้หน่วยงานดำเนินการไปพร้อมกันทั้งการเจาะจงไปที่ บริษัท ฮุยวันเปย์ และการขยายผลจากเคสที่มีอยู่ นอกจากนี้ ยังมีการตามเรื่องบริษัทที่ทำ MOU กับกระทรวง DE ที่มีข่าวว่ามีการนำแก๊งสแกมเมอร์กว่า 500 คน เข้ามาในประเทศไทย โดยอาศัย MOU เป็นเสมือนหลังพิงในการออกวีซ่า ซึ่งเรื่องนี้จะถูกบรรจุวาระเพื่อติดตามต่อในวันที่ 10-11 ธันวาคมนี้
สำหรับการประชุมในช่วงบ่ายที่กำหนดพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับตำรวจ รวมถึงฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันและแก๊งสแกมเมอร์และการรับส่วย ซึ่งมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สรรพากร, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักนายกรัฐมนตรี, และฝ่ายผู้ร้อง แต่ทางฝ่ายตำรวจได้แจ้งว่าไม่มาเข้าร่วมประชุม การประชุมครั้งนี้ถูกนัดขึ้นใหม่หลังจากที่การประชุมครั้งล่าสุดทางตำรวจแจ้งว่ายังไม่พร้อมชี้แจงข้อมูล นายรังสิมันต์กล่าวว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะได้ชี้แจงและหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาเรื่องรับส่วย และเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ท่านไม่ใช้โอกาสนี้
กรณีตำรวจอ้างว่ามีการนัดหมายจากหลายคณะกรรมาธิการ นายรังสิมันต์ชี้แจงว่าฝ่ายเลขาฯ ของกรรมาธิการจะมีการหารือกันอยู่แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงวาระที่ซ้ำซ้อน อีกทั้ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่มีความจำเป็นต้องมอบหมายคนคนเดียวมาให้ข้อมูลในทุกคณะกรรมาธิการ เพราะมี รอง ผบ.ตร. และ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รวมกันเกือบ 20 คน ที่สามารถทำหน้าที่ชี้แจงแทนได้ ยืนยันว่าการเชิญของกรรมาธิการไม่ได้กระชั้นชิด โดยรวม คณะกรรมาธิการยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ได้เข้าข้างใคร และพยายามทำให้เกิดความโปร่งใส เพื่อมุ่งแก้ปัญหาที่ไม่อยากเห็นเจ้าหน้าที่รับส่วยหรือนักการเมืองใช้รัฐอำนาจเป็นม้าให้กลุ่มทุนสีเทามาครอบงำประเทศ และเน้นย้ำถึงหลักนิติรัฐ นิติธรรม
ในส่วนของการให้สื่อมวลชนเข้าร่วมติดตามการประชุมนั้น นายรังสิมันต์กล่าวว่าเดิมตั้งใจจะให้เข้า แต่เนื่องจากทางฝ่ายตำรวจไม่มา จึงตัดสินใจไม่อนุญาต เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหนักไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไปจนถูกมองว่าไม่เป็นกลาง ประกอบกับบางหน่วยงานขอว่าอาจมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับอาชญากรที่อยู่ระหว่างการขยายผล ซึ่งแตกต่างจากรอบที่แล้วที่ชื่อที่ออกมาส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่หนีไปไหนไม่ได้ ดังนั้น จึงขอให้สื่อมวลชนรอฟังสรุปจากโฆษกของคณะกรรมาธิการแทน