เมื่อเวลา 12.05 น. วันที่ 26 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) แถลงภายหลังการประชุม ศป.กฉ. ว่า สถานการณ์น้ำภาพรวมปริมาณน้ำฝนที่เติมเข้ามามีปริมาณที่ลดน้อยลง แนวโน้มของน้ำในพื้นที่ภาคใต้มีแนวโน้มลดลง แต่อย่างไรก็ตาม บางจังหวัดที่ถัดออกไปจาก จ.สงขลาเริ่มมีการแจ้งเตือนแล้ว เช่น สตูล นครศรีธรรมราช บางจังหวัดได้มีการแจ้งอพยพตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 พ.ย.แล้ว ทั้งนี้ พบว่าหลังมีการแจ้งเตือนให้มีการอพยพ ยังมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ประมาทต่อสถานการณ์ คิดว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องอพยพ ซึ่ง ศป.กฉ. มีความกังวลว่าหากแจ้งเตือนให้อพยพแล้ว ยังไม่เร่งรีบที่จะอพยพ อนาคตอาจจะเกิดความยากลำบากในการอพยพได้ ทาง ศป.กฉ. จึงสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ดำเนินการสำรวจกลุ่มเปราะบาง และชวนประชาชนให้ไปอยู่ในศูนย์พักพิง เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดในอนาคต สำหรับแนวทางคือ ในทุกจังหวัดกรณีที่เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง ศูนย์พักพิงจะมีการกำหนดจุดให้คนในพื้นที่ทราบก่อน ที่จะมีคำสั่งอพยพ ซึ่งจะดำเนินการเช่นนี้ทุกครั้ง
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า กรณีมีข่าวว่าโรงพยาบาลหาดใหญ่มีจำนวนผู้เสียชีวิต 80 คนนั้น ขอยืนยันว่าข้อมูลนั้นไม่ตรงกับความจริง โดยได้รับรายงานจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตครึ่งหนึ่ง 40 คน เป็นผู้เสียชีวิตที่อยู่ในโรงพยาบาลอยู่แล้ว 14 คน เป็นผู้เสียชีวิตที่ไม่ได้มาจากสถานการณ์น้ำท่วม แต่เสียชีวิตจากการรักษาพยาบาล ดังนั้น ข้อมูลที่ออกมาไม่เป็นความจริง
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ปัตตานี และยะลา มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 33 คนใน 7 จังหวัด แบ่งเป็นนครศรีธรรมราช 9 ราย พัทลุง 4 ราย สงขลา 6 ราย ตรัง 2 ราย สตูล 2 ราย ปัตตานี 5 ราย และยะลา 5 ราย สาเหตุการเสียชีวิต เช่น ถูกน้ำพัด ไฟฟ้าช็อต ดินถล่ม ตกน้ำ และจมน้ำ ข้อมูลนี้ทาง ศป.กฉ. จะแจ้งให้ประชาชนได้ทราบทุกวัน ขอวิงวอนถึงประชาชน ผู้ปรารถนาดีเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ เพราะเป็นการสร้างความหวาดหวั่นไม่เชื่อมั่น ทำลายขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ขอให้ใช้ความระมัดระวัง
“ส่วนกระแสข่าวเฮลิคอปเตอร์ตกใกล้กับโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ยืนยันไม่เป็นความจริง ตรวจสอบข้อมูลแล้วไม่มีเหตุการณ์ เฮลิคอปเตอร์ตกแต่อย่างใด ตลอด 2-3 วันมีเฟคนิวส์มาก จึงขอความกรุณาในการเผยแพร่ข่าว ทั้งนี้ ทาง ศป.กฉ.ได้มีการรวบรวมข้อมูลผ่านระบบ AI เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้มีการส่งข้อมูลให้กับ ศป.กฉ.ส่วนหน้า และจะมีการอัปเดตให้ ศป.กฉ.ส่วนหน้าเป็นรายชั่วโมง” นายสิริพงศ์ กล่าว
นายสิริพงศ์ กล่าวถึงกรณีการแชร์ว่าโรงพยาบาลประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและไฟดับว่า ทาง ศป.กฉ.ได้ประสานให้หน่วยงานนำเครื่องปั่นไฟไปติดตั้งให้โรงพยาบาล แต่ปัญหาคือ เรื่องการส่งอาหารที่ล่าช้าไป จากเดิมควรจะต้องส่งตอน 18.00 น.เย็น แต่เมื่อคืนวาน อาหารไปถึงตอน 20.00 น. ส่วนผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยวิกฤตย้ายออกมาหมดแล้ว ยังคงเหลือผู้ป่วยที่สามารถดูแลตามสถานการณ์ได้ เรายังคงมีการพูดคุยกันอย่างเมื่อวานไฟติด แต่ไม่เข้าใจว่าเจตนาผู้โพสต์ว่าไฟดับมาจากอะไร ยืนยันขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีการบริหารจัดการเรื่องคิวในการส่งอาหารเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีกต่อไป
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ได้มีการเปิดศูนย์อำนวยการประสานงานธารน้ำใจไทยสู้กับอุทกภัย 2568 ที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ ดอนเมือง ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในทุกมิติ ผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดอาจจะไปรวมศูนย์เกี่ยวกับสิ่งของบริจาคที่ทางจังหวัดได้ และจังหวัดดำเนินการส่งต่อมาที่ศูนย์อำนวยการประสานงานธารน้ำใจฯ ส่วนผู้ที่อยู่ กทม. หากจะบริจาคสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นสามารถบริจาคได้ที่ศูนย์นี้ นอกจากประชาชนจะให้เป็นสิ่งของเครื่องใช้แล้ว เรายินดีที่จะรับการสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องของกำลังและทรัพยากร เช่น เจ็ตสกี สปีดโบ๊ท รถยนต์ยกสูง รถลากจูง อุปกรณ์กู้ภัย สิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีพ ลักษณะการช่วยเหลือเหล่านี้ หากต้องการได้รับการสนับสนุนทางศูนย์จะมีเครื่องบิน C 130 บินส่งให้ทุกวัน วันละ 5 รอบ ขณะเดียวกัน วันนี้ แอปพลิเคชัน ทางรัฐ จะเปิดให้ผู้ที่ต้องการจะเป็นอาสาสมัคร ไปร่วมทำงานกับกู้ภัยในพื้นที่ลงทะเบียน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พัก และค่าน้ำมันในการเติมยานพาหนะ เพื่อปฏิบัติการในพื้นที่ ส่วนกู้ภัย อาสาสมัครที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลจะมีลงทะเบียนย้อนหลังให้เพื่อเป็นการสนับสนุน
“สถานการณ์ครั้งนี้เป็นสถานการณ์ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าอาศัยทางภาครัฐอย่างเดียว กำลังอาจจะไม่เพียงพอ และอาจจะเกิดความล่าช้า ทำให้เกิดความเสียหายมาก อาสาสมัครเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะช่วยเหลือให้ทันสถานการณ์ แต่รัฐบาลไม่ได้ปล่อยให้ท่านเป็นอาสาสมัครแล้วไปสู้เพียงลำพัง รัฐบาลสู้ไปกับท่านด้วย ไปช่วยชาวใต้ด้วยกัน” โฆษก ศป.กฉ.ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนายกฯเดินทางลงไปพื้นที่ จ.สงขลาวันเดียวกัน ลงไปจุดไหน และช่วยได้มากน้อยแค่ไหน นายสิริพงศ์ กล่าวว่า การเดินทางไปของนายกฯคือ การไปดูปัญหาอุปสรรคหน้างานว่า การประสานงานหน้างานมีการดำเนินการอย่างไร มีปัญหาอุปสรรคอะไรหรือไม่ มีข้อมูลส่วนไหนที่จะสามารถดำเนินการร่วมกันได้ เป็นเรื่องการบริหารจัดการเป็นหลัก เมื่อถามถึงกรณีดรามาระบุว่านายกฯอยู่ส่วนกลางดีกว่าลงพื้นที่ เพราะจะทำให้คนต้องมารอต้อนรับ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า หน้างานตรงนี้มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นผอ.ศป.กฉ. ในการบูรณาการข้อมูลต่างๆ การที่นายกฯลงไป ไม่ได้เป็นภาระ ท่านไปคณะเล็ก ไม่ได้แจ้ง ไม่ได้มีนักข่าวตามไป และท่านไม่ได้มีความประสงค์แจ้งว่าจะต้องมีขบวนมาต้อนรับ แต่เป็นการไปปฏิบัติหน้าที่และดูถึงข้อจำกัด ถึงข้อกำหนดต่างๆ ว่าในการดำเนินการมีอุปสรรคอย่างไร เท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า มีการคาดการณ์หรือไม่ว่าอีกกี่วันสถานการณ์น้ำจะลดลง นายสิริพงศ์ กล่าวว่า สทนช. คาดการณ์ว่า ถ้าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ภายใน 5 วัน สถานการณ์จะคลี่คลายไปกว่านี้มาก แต่อาจจะมีบางจุดที่เป็นแอ่งเล็ก เป็นพื้นที่ต่ำอาจจะลงไม่หมด แต่ในภาพรวมถ้าเทียบกับสถานการณ์วันนี้ จะเห็นว่าสถานการณ์เริ่มลดลงแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีทีมกู้ภัยถูกยิงปืนไล่ระหว่างช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว ประเด็นนี้มีหลายสาเหตุ บางสาเหตุแจ้งว่าอาจจะเป็นเพราะเรียกแล้วไม่ได้ยินก็เป็นได้ แต่ในความจำเป็นที่จะต้องมี ศป.กฉ. เนื่องจาก ศป.กฉ.จะรู้สถานการณ์หน้างานว่าควรจะมีข้อปฏิบัติอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ในพื้นที่หาดใหญ่ตอนนี้ บางหน่วยงานเอาเรือหางยาวเข้าไปปรากฏว่าเรือหางยาวที่เข้าไปช่วงแรกคว่ำทุกลำเลย เพราะสู้แรงน้ำไม่ได้ นี่คือความจำเป็นที่จะต้องมีการพูดคุยกับ ศป.กฉ.ก่อน หรือแม้แต่ในการใช้ยานพาหนะบางอย่างในเขตชุมชน หรือคนที่อยู่ในตัวบ้านที่ไม่ได้อพยพออกมา ก็ต้องใช้ความระมัดระวัง เข้าใจว่าทุกคนรีบหมด ในขณะที่ติดอยู่ในบ้านก็มีความทุกข์ร้อน ดังนั้น การบริหารสถานการณ์แบบนี้ในทุกฝ่าย จึงมีความสำคัญ
เมื่อถามถึงกรณีประชาชนติดอยู่ในพื้นที่ และไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า วันนี้ทาง กสทช.ได้รายงานให้ ศป.กฉ.ทราบว่า หลายจุดที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าไปเติมน้ำมันให้กับเครื่องปั่นไฟได้ สามารถดำเนินการได้แล้ว เมื่อถามว่า สถานการณ์วิกฤตขณะนี้ เป็นเพราะแผนอพยพในช่วงแรกไม่ดีใช่หรือไม่ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า มีทั้งการทำงานภาคพื้น ซึ่งรัฐบาลยืนยันการทำงานในภาคพื้น มีการแบ่งเขตรับผิดชอบในการอพยพผู้คนอยู่ ยกตัวอย่าง บางกรณีในบางจังหวัดมีการแจ้งเตือนให้อพยพ แต่ประชาชนยังไม่อพยพ ซึ่งการอพยพคนมายังศูนย์พักพิงต่างๆ พอแบ่งโซนแล้วอาจจะมีตกหล่นอยู่ แต่ยืนยันว่าเรายังตามเก็บให้ครบทุกคน ดังนั้น ย้ำว่ามีการทำงานแบบภาคพื้นและการทำงานแบบออนไลน์
เมื่อถามการติดตามผู้สูญหายซึ่งไม่สามารถติดต่อได้ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า การติดต่อไม่ได้อาจจะมีหลายสาเหตุ เช่น บางคนติดอยู่ในพื้นที่แต่โทรศัพท์แบตเตอรี่หมด ซึ่งการสูญหายในลักษณะนี้ยังไม่สามารถตีได้ว่าเป็นการสูญหาย ยอมรับว่าติดต่อไม่ได้มีหลายเคส แต่ตัวเลขที่ได้รับการยืนยันว่าสูญหายแล้ว มี 1 ราย ที่ จ.สตูล








