วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้เผยแพร่เอกสารจากผลการประชุมคณะกรรมการบริหารและสมัชชาใหญ่ขององค์การ The Centrist Democrat International : CDI-IDC ณ เมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 20-23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา และข้อกล่าวหาต่อฝ่ายไทยหลายประการที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง กองทัพบกจึงขอชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง
ย้ำว่ากองทัพไทยปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมไทย–กัมพูชา (Joint Declaration) ที่ลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 อย่างเคร่งครัด ทั้งการถอนอาวุธหนัก และการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยไม่เคยมีพฤติการณ์ใดที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของข้อตกลงดังกล่าว หากแต่ฝ่ายกัมพูชาเองที่มีการแสดงออกถึงการละเมิดมาโดยตลอด
สำหรับกรณีที่เอกสาร CDI–IDC ระบุว่าไทย จับกุมทหารกัมพูชา 18 นาย อย่างผิดกฎหมาย นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะทหารกัมพูชาทั้ง 18 นาย ได้ยอมจำนนจากการสู้รบในพื้นที่ กองทัพไทยจึงทำการปลดอาวุธ และควบคุมตัวไว้ภายใต้หลักกฎหมายสากล ในระหว่างควบคุมตัว ได้มีการดูแลภายใต้หลักมนุษยธรรม และเปิดให้ผู้แทนองค์กรต่างๆ สามารถเข้าตรวจเยี่ยมได้อย่างเปิดเผยโปร่งใส จึงไม่ใช่การจับกุมและควบคุมตัวโดยมิชอบตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
ส่วนข้อกล่าวหาเหตุโจมตีพลเรือนในจังหวัดบันเตียเมียนเจย เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ที่ CDI–IDC อ้างว่าทหารไทยยิงใส่พลเรือน นั้น กองทัพบกขอเรียนว่าไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นลักษณะที่ฝ่ายกัมพูชาเจตนาโจมตีเข้ามาก่อน จากนั้นฝ่ายไทยจึงทำการยิงเตือนเพื่อตอบโต้ตามกฎการใช้กำลังอย่างรอบคอบ ไปยังทิศทางที่ไม่เกิดความเสียหายต่อพลเรือน
ซึ่งหลังจากนั้นฝ่ายไทยยังพบความผิดสังเกต ที่ฝ่ายกัมพูชายังพยายามใช้การปฏิบัติการข่าวสาร และการสร้างพยานหลักฐานบิดเบือนกล่าวหาฝ่ายไทย โดยเฉพาะหลักฐานที่พบลักษณะบาดแผลของผู้บาดเจ็บไม่สอดคล้องกับการถูกยิงจากอาวุธปืนทางทหารตามที่มีการอ้างเหตุ ข้อมูลต่าง ๆ จึงสะท้อนถึงพฤติการณ์บิดเบือนและจัดฉากเพื่อกล่าวโทษไทยในเวทีต่างประเทศ
ในประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ที่กองทัพไทยยังคงดำเนินภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน 5 พื้นที่อย่างต่อเนื่อง แม้ในระยะแรกพบการขัดขวางจากฝ่ายกัมพูชา รวมถึงการลักลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ในบางจุด การลอบตัดและขโมยลวดหนาม และความพยายามรบกวนการทำงานของชุดเก็บกู้ ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ แต่ฝ่ายไทยยังยืนหยัดปฏิบัติหน้าที่ตามหลักมนุษยธรรมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ยังพบว่ากัมพูชาปล่อยข่าวเท็จ สร้างสถานการณ์หลายประเด็นเพื่อทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทย อาทิ ข้อกล่าวหาทหารพรานไทยข่มขืนแรงงานกัมพูชา ซึ่งจากการตรวจสอบร่วมกันของไทย–กัมพูชา และคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ไม่พบเหตุการณ์หรือหลักฐานใด ๆ พื้นที่ตามที่อ้างยังอยู่ในเขตควบคุมของฝ่ายกัมพูชาเอง จึงอาจเป็นเพียงการร่วมกันจัดฉากสร้างข่าวเท็จเพื่อมุ่งทำลาย ความน่าเชื่อถือฝ่ายไทย
ตลอดจน กรณีเสียงดังคล้ายระเบิดที่ AOT เข้าใจว่าเป็นการยิงจากไทย แท้จริงพบว่าทหารกัมพูชาประมาณ 30 นายเข้ามาประชิดแนวชายแดนบริเวณฐานจอมมวย และจุดประทัดจำนวนมากโยนเข้ามาฝั่งไทยเพื่อสร้างเสียงคล้ายปืน จนทำให้คณะผู้สังเกตการณ์เข้าใจผิด โดยฝ่ายไทยมีบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ไว้แล้วอย่างละเอียด เพราะรู้ว่ากัมพูชา ชอบจัดฉากเพื่อสร้างสถานการณ์ ให้ร้ายฝ่ายไทย
อีกทั้ง กัมพูชามีความเคลื่อนไหวด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ตรวจพบอย่างต่อเนื่อง ทั้งการผลัดเปลี่ยนกำลัง ปรับที่ตั้ง และขยับอาวุธจำนวนหลายจุด ในขณะเดียวกันกัมพูชายังคงปล่อยข้อมูลบิดเบือนเพื่อกดดันและสร้างภาพลักษณ์เชิงลบต่อประเทศไทย
กองทัพบกยืนยันว่าทุกครั้งที่เกิดข้อกล่าวหาหรือข้อมูลที่บิดเบือน ฝ่ายไทยจะเร่งตรวจสอบ พิสูจน์ข้อเท็จจริง และชี้แจงโดยใช้ข้อมูลภาคสนามและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงยึดมั่นปฏิบัติตามกฎบัตรอาเซียน กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด พร้อมเดินหน้าสนับสนุนกระบวนการสันติภาพอย่างต่อเนื่อง แม้ไทยจะไม่ใช่ฝ่ายยั่วยุ แต่กองทัพบกยังคงรักษาความพร้อมรบเต็มระดับ เพื่อพิทักษ์อธิปไตยของชาติและความปลอดภัยของประชาชนไทยอย่างสูงสุด








