วันที่ 23 พ.ย. 2568 เวลา 12.15 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทินชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยภายหลังการหารือหลายกลุ่มการเมือง ที่เดินทางมา เปิดตัวในวันนี้ว่า วันนี้ภาคภูมิใจไทยมีการประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อตั้งคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง และเป็นไปตามที่คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น ช่วง ต้นปีหน้า จึงต้องเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ แล้ววันนี้มีผู้แสดงเจตจำนงจะมาทำงานร่วมกันในทางการเมือง อย่างจังหวัดเพชรบุรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะช่วยดูแลคัดสรร ที่จะมาร่วมงานกันได้พา นายกปราย นายชัยยะ อังกินันทน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี และนางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ สส.เพชรบุรีเขต 1 และนายฤกษ์ อยู่ดี สส. เพชรบุรีเขต 2 พรรค รวมไทยสร้างชาติ ที่จะมาร่วมงานในทางการเมือง และ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะส่งลงสมัคร ซึ่งเป็น สส.อยู่แล้ว 2 คน ซึ่งเพชรบุรี มีสส. ได้ทั้งหมด 3 คน หากได้มาทำงานร่วมกัน เชื่อว่าจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน แนะนำตนเองและซึ่งตนจะ ลงไป แนะนำตนเองและขอโอกาสจากประชาชนในพื้นที่ ในเร็ววันนี้
เมื่อถามว่าพื้นที่จังหวัดชลบุรีที่มีหลายกลุ่มตอนนี้ถือว่าลงตัวแล้วหรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า นายสนธยาและนายวิทยา คุณปลื้ม แกนนำกลุ่มเมืองชล ได้เดินทางมา ร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยแล้ว ส่วนการแบ่งพื้นที่ จังหวัดชลบุรี ดูแลนั้น นายสุชาติ กล่าวเสริม โดยยืนยันว่าไม่ทับซ้อนกัน ส่วนรายละเอียดของพื้นที่เดี๋ยวค่อยว่ากัน เพราะมีคณะกรรมการสรรหาอยู่แล้ว แล้ววันนี้อะไรที่มีความชัดเจนก็ลงมาแจ้งให้กับประชาชนรับทราบโดยไม่ต้องไปหลบๆซ่อนๆ กั๊กๆอะไรไม่เอา เพื่อจะได้ลงพื้นที่ทำงานได้เลย เพื่อจะได้แจ้งกับประชาชนว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะทำงานในนามพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถามถึงความชัดเจนของนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เดินทางมา อย่างพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ปกตินายวราวุธ เคยเดินทางมาที่พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ยกเว้นงานวันเกิดพรรค
เมื่อถามว่า ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่จะมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างที่บอก บางครั้งไม่จำเป็นต้องพูดอะไร พูดมากคนอ่านไม่ชอบก็ได้ เอาเป็นว่ามาทำงานร่วมกันได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น โดยยึดประชาชนเป็นใหญ่และเป็นหลักอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย มีความเป็นเอกภาพแต่ขณะนี้มีหลายกลุ่มการเมืองเข้ามาร่วมงานจะสามารถคุมพรรคให้เป็นเอกภาพได้ต่อไปหรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า " ไม่มีกลุ่ม มีก๊วน มีก๊วนเดียว ก๊วนหนูนี่แหละครับ ทุกคนเรียกผมพี่หมดและนายสุชาติก็บ้านติดกัน คุยกันทุกคืน จะไปไหนผมก็ตามถึงบ้าน"
เมื่อถามถึงสาเหตุของนายวราวุธ เลือกที่จะทิ้งพรรคชาติไทยพัฒนา มาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ใครก็รู้ว่าตนกับนายวราวุธเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา สมัยที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ก็ดูแลตัวเหมือนลูกหลาน และยังเคยพูดกับตนว่าไปไหนก็ให้ดูแลน้องด้วย มีอะไรก็ดูแลกัน พูดตั้งแต่ตอนท่านยังไม่สิ้นไป แล้วตอนนี้ถือเป็นจังหวะที่ดีเราก็ได้มาคุยกัน ว่าการทำการเมืองจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด แยกกันทำก็อาจจะเกิดประโยชน์กับประชาชนไม่เต็มที่ ประสิทธิภาพและศักยภาพของแต่ละคนมีแต่การเมืองต้องประกอบด้วยหลายอย่าง ทำให้ตายหากไม่มีองค์ประกอบอื่นๆ ก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่
“วันนี้เราพยายามใช้ศักยภาพ ประสิทธิภาพประสบการณ์และความสามารถ ของแต่ละคนที่มีที่พร้อมจะรับใช้บ้านเมือง และประชาชนอย่างเต็มที่ เราเอาตรงนี้มาเปิดโอกาส ให้เขาใช้สิ่งที่มี พรรคภูมิใจไทยก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า เราให้โอกาสคนทำงาน ไม่มีการกั๊กหรือก้าวก่ายกัน” นายอนนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าพื้นที่ในกรุงเทพฯจะมีการดึงสส. เข้ามาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ก็เปิดตัวใกล้ๆกรุงเทพฯแล้ว นี่คือโอกาสในการสร้างให้กับคนทำงาน ให้ประชาชนเป็นปึกแผ่น ไม่มีเรื่องการด้อยค่า ปรามาสกันหรือพูดถึงคนอื่นในทางไม่ดี เราตั้งหน้าตั้งตาทำงาน และจังหวัดเพชรบุรี ตนฝันมานานแล้วว่าอยากทำงานร่วมกับนายกอบจ. คนที่ทำให้ฝันเป็นจริงในวันนี้คือนายสุชาติ เราต้องใช้เครือข่ายและความสัมพันธ์ ที่มีอยู่แต่ต้องมาทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง ไม่ได้ใช้เครือข่าย ไปทำอะไรที่ไม่ดีไม่ชอบ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่เคยคิดเช่นนั้น
เมื่อถามว่าฝันต่อไปคือการได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ฝันต่อไปคือขอให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้มาก นั่นคือความฝันอันสูงสุด
เมื่อถามถึงกลยุทธ์ที่จะทำให้พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคอันดับ 1 ในการเลือกตั้งครั้งหน้านายอนุทิน กล่าวว่า เราร่วมกันทำงานและทำงานกันอย่างเต็มที่ นโยบายอะไรที่สัญญาไว้กับประชาชนก็ทำให้เต็มที่ ให้ประชาชนเห็น เมื่อเห็นแล้วก็คงจะ มั่นใจและได้รับความไว้วางใจ
เมื่อถามว่าการประชุมใหญ่สามัญวันนี้มีการพูดถึงการวางตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน ต้องเป็นไปทีละขั้นตอน ยังไงก็มาแน่ ส่วนกรณีของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็เริ่มพูดคุยซึ่งวันนี้ ก็มาร่วมประชุมที่พรรคภูมิใจไทย การจะเอาคนมาเป็นนายกฯเราก็ต้องคุยในรายละเอียด ทำความเข้าใจซึ่งกันและกันให้ได้มากที่สุด ถ้าเข้ามาแล้วจะทำงานอย่างไร เพราะตามรัฐธรรมนูญสามารถเสนอชื่อนายกฯได้ 3 คน ซึ่งสมัยก่อนพรรคภูมิใจไทยเสนอชื่อตนคนเดียว แต่ช่วงหลังที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ทางการเมือง บางพรรคใช้ไป 3 คนหมดแล้วแต่บางพรรคมีแค่คนเดียว ดังนั้นเราต้องเติมเต็มและเตรียมความพร้อมไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นไฟทว์บังคับ เพียงเป็นการเตรียมความพร้อมไว้ เพื่ออนาคตเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง จะได้มีความพร้อมในการสานต่องาน ให้เกิดความต่อเนื่อง
เมื่อถามว่ามองพรรคการเมืองใดเป็นคู่ต่อสู้ของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้ง นายอนุทิน กล่าวว่า ก็มองที่พวกเรา ต้องต่อสู้กับตนเอง ต้องไม่ขี้เกียจ ไม่ประมาท ไม่คิดว่า ประชาชนให้ความไว้วางใจ แล้วเราจะอยู่เฉยๆ ไม่สร้างความมั่นใจให้แข็งแกร่งขึ้น เราต้องเอาตัวเองวิ่งตามตัวเอง แล้ววิ่งนำตัวเอง ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อถามว่าการดึงองคาพยพมาเสริมทัพในภูมิใจไทยทำให้มั่นใจมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทิศทางของพรรคแนวนโยบายของพรรค บุคลากรของพรรค ที่เข้ามาจะทำให้เป้าหมายของเราได้บรรลุ เพราะมีแต่คนมีประสบการณ์มีความรู้ความสามารถ
เมื่อถามถึงกรณีที่สส.พรรคเพื่อไทยบางคนมาปรากฏตัวในการประชุมใหญ่สามัญภาคภูมิใจไทยในวันนี้ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ที่จะร่วมงานกัน นายอนุทิน กล่าวว่า มาถึงวันนี้แล้วและการเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะเกิดขึ้นภายในเดือน 2 เดือนนี้ คงไม่มีอะไรต้องหลบๆซ่อนๆซึ่งไม่ดีหรอก จะเห็นได้ตั้งแต่จะเห็นได้ตั้งแต่ตั้งรัฐบาล ใครมาก็เปิดให้ประชาชนเห็นเลย ไม่ใช่แอบๆมาแล้วโผล่ชื่อในภายหลัง คนไหนคุยเรียบร้อยหมดแล้วก็เอามาเปิดเผย เช่นเดียวกับจังหวัดเพชรบุรีที่มีผู้สมัคร ชัดเจนก็นำมาเปิดตัว หลังจากนี้ตนจะให้ผู้สมัครและนายสุชาติ พาลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ก่อนหน้านี้ไปได้แค่อำเภอชะอำ ตอนนี้จะไปได้หลายที่ทั้งอำเภอเมือง อ.บ้านลาด และอีกหลายที่ซึ่งตอนนี้ชื่ออำเภอยังจำได้ไม่หมด
เมื่อถามว่าหลังการเลือกตั้งพรรคภูมิใจไทยมีโอกาสสูงหรือไม่ที่จะร่วมงานกับพรรคประชาชน นายอนุทิน ยกมือเลี่ยงตอบพร้อมระบุว่า "ขอไปปิดประชุมใหญ่วิสามัญพรรคก่อน"







