วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้กล่าวถึงผลการดำเนินการกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการทุจริตเงินบำนาญในระบบ e-pension ของกรมการเงินทหารบก ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี 2555–2563 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากองทัพบกได้ดำเนินการสอบสวนและลงโทษทางวินัยกำลังพลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบราชการอย่างเคร่งครัด พร้อมให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช. อย่างเต็มที่ จนนำไปสู่การลงมติชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.ดังกล่าว
โดยกรณีของ พ.ท.หญิง ดวงรัตน์ แร่ทองขาว กองทัพบกและกระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการทางวินัยขั้นสูงสุดแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2564 คือ การปลดออกจากราชการ โดยไม่มีสิทธิรับเบี้ยหวัด บำเหน็จ หรือบำนาญ พร้อมทั้งถอดยศทหาร และได้แจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน ต่อมาเมื่อ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทั้งทางวินัยร้ายแรงและอาญาฐานทุจริตต่อหน้าที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดดำเนินการตามกฎหมายแล้ว
สำหรับ พ.ท.หญิง วิมลฉวี ม้าถาวร กองทัพบกได้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยตั้งแต่ปี 2563 และลงโทษตามความผิดที่ปรากฏในขณะนั้น ได้แก่ การลงทัณฑ์กัก 7 วัน การปรับย้ายออกจากตำแหน่ง และงดบำเหน็จประจำปีเนื่องจากละเลยและเลินเล่อต่อหน้าที่ราชการ ต่อมาเมื่อ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลว่าการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรงเพิ่มเติม แม้ไม่พบมูลความผิดทางอาญา กองทัพบกจะดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเพิ่มเติมตามที่ ป.ป.ช. ชี้มูล เพื่อพิจารณาบทลงโทษตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
ในส่วนของ พ.อ. อนุสรณ์ คุ้มอักษร กองทัพบกได้ดำเนินการสอบสวนและลงโทษไปตั้งแต่ปี 2563 เช่นเดียวกัน โดยลงทัณฑ์กัก 3 วัน ปรับย้ายออกจากตำแหน่ง และงดบำเหน็จประจำปี ต่อมา ป.ป.ช. มีมติชี้มูลผิดวินัยไม่ร้ายแรงตามมาตรา 64 โดยไม่มีมูลความผิดอาญา อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก พ.อ. อนุสรณ์ฯ ได้เกษียณอายุราชการแล้ว จึงไม่สามารถดำเนินการทางวินัยเพิ่มเติมได้โดยสภาพ
ส่วนการเยียวยาผู้เสียสิทธิ์ กองทัพบกได้ดำเนินการรองจ่ายเงินชดเชยให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิ์ครบทั้ง 11 ราย รวมเป็นจำนวน 5,220,699 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น และได้เริ่มกระบวนการเรียกคืนเงินจากผู้กระทำผิดซึ่งมีการชำระคืนบางส่วนแล้ว ทั้งนี้ กองทัพบกจะดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้ผู้กระทำความผิดชดใช้ความเสียหายในส่วนที่คงเหลือต่อไป
กองทัพบกได้ให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิด โดยได้ส่งผลการสอบสวนทางวินัยให้ ป.ป.ช. ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 และให้ข้อมูลสนับสนุนในทุกขั้นตอน จนกระทั่ง ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ทั้งนี้ ภายหลังคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช. ได้มีการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญา และแจ้งให้กองทัพบกดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งกองทัพบกอยู่ระหว่างการดำเนินการโดยเคร่งครัด
กองทัพบกขอยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปด้วยความโปร่งใสและยึดหลักธรรมาภิบาล โดยไม่ละเว้นผู้กระทำผิด พร้อมทั้งได้ปรับปรุงและพัฒนามาตรการป้องกันการทุจริตในระบบ e-pension ให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น อาทิ การเพิ่มชั้นการอนุมัติ การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลอย่างเข้มงวด และการตรวจสอบระบบเป็นระยะเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต







