วันที่ 20 พ.ย.68 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันในอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ออกมาระบุว่ายังไร้เยียวยาจากรัฐบาล หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ซึ่งเป็นเหตุความไม่สงบจากกองกำลังนอกประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 14 ราย และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและกิจการโดยรอบนั้น
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า แม้ปั๊มน้ำมันดังกล่าวจะยังไม่ได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐตามขั้นตอนทางราชการ แต่รัฐบาลมิได้ทอดทิ้ง และได้เร่งประสานงานทุกภาคส่วนเพื่อเข้าให้การช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกหลังเกิดเหตุ ทั้งด้านการซ่อมแซม ฟื้นฟูกิจการ รวมถึงการลดภาระทางการเงิน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้โดยเร็วที่สุด
หน่วยงานในระดับจังหวัดร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการและผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมประสานบริษัทประกันภัย ธนาคาร และภาคเอกชน ให้พิจารณามาตรการช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ ปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาบ้านผือ จังหวัดศรีสะเกษ บริษัท ทิพยประกันภัย ได้มอบเงินช่วยเหลือเร่งด่วนจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อใช้ในการซ่อมแซม ขณะที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้เข้าดำเนินการซ่อมแซมและปรับปรุงสถานีบริการในวงเงินกว่า 3,000,000 บาท จนสามารถเปิดให้บริการได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา
ด้านร้านสะดวกซื้อในบริเวณดังกล่าว บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท กรุงเทพประกันภัย ได้ดำเนินการซ่อมแซมร้านใหม่ พร้อมสนับสนุนอุปกรณ์และสินค้า รวมมูลค่า 3,500,000 บาท และเปิดให้บริการได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568
นอกจากนี้ จังหวัดยังได้ประสานธนาคารกรุงไทย เพื่อพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการ รวมถึงประสานกรมสรรพากรเพื่อขอยกเว้นภาษีเงินได้ เพื่อบรรเทาภาระของผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้
สำหรับเงินชดเชยจากภาครัฐนั้น ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของทางราชการ เริ่มจากการประเมินความเสียหายทั้งหมด ซึ่งมีการลงพื้นที่และดำเนินการแล้ว ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการความช่วยเหลือเป็นตัวเงินจากภาครัฐของทางราชการ จะครอบคลุมเฉพาะประชาชน เป็นหลัก ส่วนความเสียหายในลักษณะเป็นสถานที่หรือทรัพย์สินของพื้นที่ยังไม่อยู่ในขอบเขตที่สามารถจัดสรรเงินชดเชยได้
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 จังหวัดศรีสะเกษได้มีหนังสือขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาสนับสนุนเงินช่วยเหลือกรณีสถานีบริการน้ำมัน ที่ได้รับความเสียหาย ถึงสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยมีการประเมินค่าเสียหายอย่างครอบคลุมตั้งแต่ความเสียหายของอาคารสิ่งก่อสร้างของสถานีบริการน้ำมันและร้านสะดวกซื้อ ตลอดจนค่าขาดรายได้ (รายได้ที่สูญเสียจากการประกอบกิจการ : รายได้ของปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ และรายได้ที่สูญเสียจากค่าเช่าร้าน) มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพิจารณาตามความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ และต้องรอการพิจารณาจากคณะกรรมการกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งผลการพิจารณายังไม่เสร็จสิ้น
"จะเห็นได้ว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ประสานให้ทุกภาคส่วนให้ความช่วยเหลือแล้ว ส่วนเงินช่วยเหลือจากภาครัฐนั้น ผลการพิจารณายังอยู่ระหว่างดำเนินการตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องใช้เวลา แต่ยืนยันว่ารัฐบาลยังคงติดตามเรื่องอย่างใกล้ชิด และทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ผู้ได้รับผลกระทบ และประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มความสามารถ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" นายสิริพงศ์ กล่าว







