การเมืองทั่วไป

เดดไลน์ธันวา!"พริษฐ์" ลั่น "สู้เต็มที่" แม้ถูกตีตกกลไกประชาชน เปิดรายละเอียด กมธ. งัดข้อ "รับสมัคร vs คัดกรอง" ลุ้นกติกาผู้รับรอง 100 คน

แชร์ข่าว

“พริษฐ์ วัชรสินธุ” เปิดผลการลงมติ กมธ. แก้รัฐธรรมนูญ ที่ถึงแม้จะผิดหวังกับการที่ประชาชนไม่ได้ร่วมคัดกรองผู้ร่างโดยตรง แต่ก็พอใจที่สูตร "20 หยิบ 1" ผ่านความเห็นชอบ ซึ่งจะทำให้รัฐสภาไม่สามารถผูกขาดการเลือกผู้ร่างได้ทั้งหมด พร้อมเผยกลไกสกัดเสียงข้างมากในการโหวตเลือกผู้ร่างที่เหลือ หากรายชื่อไม่ครบ 35 คน ต้องใช้คะแนนเสียงเกิน 2 ใน 3 เท่านั้น

วันที่ 17 พ.ย. 2568 เวลา 10.00 น.ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน แถลงความคืบหน้าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พรรคประชาชนยังคงสู้เต็มที่ แม้หลายข้อเสนอสำคัญจะไม่ผ่านการลงมติในชั้น กมธ. โดยตั้งเป้าเร่งผลักดันกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นจากรัฐสภาได้ภายในเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งผลการลงมติใน กมธ. ที่พยายามหาข้อสรุปเกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเน้นย้ำว่าพรรคประชาชนให้ความสำคัญกับ 2 หลักการ คือ 1. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และ 2. ป้องกันการผูกขาดโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

โฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า 2 ใน 3 ข้อเสนอหลักที่มุ่งสู่เป้าหมายข้างต้น ถูกตีตกในชั้น กมธ. อย่างน่าเสียดาย ได้แก่:1. สภาที่ปรึกษาที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง เป็นกลไกที่ออกแบบมาเพื่อรับฟังและรวบรวมความเห็นของประชาชน โดยไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ห้ามประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง แต่น่าเสียดายที่ กมธ. มีมติให้ ตัดออก ด้วยคะแนน 23 ต่อ 8 เสียง (งดออกเสียง 3 เสียง) 2. การเปิดให้ประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้งคัดกรองผู้ร่างเบื้องต้น เสนอให้ประชาชนเลือกผู้ร่าง 70 คน ก่อนส่งให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35 คน แต่ กมธ. มีมติให้ ตัดกลไกดังกล่าวออก ด้วยคะแนน 14 ต่อ 8 เสียง (งดออกเสียง 12 เสียง) 3. สูตร “20 หยิบ 1” ในการคัดเลือกผู้ร่างโดยรัฐสภา สูตรนี้กำหนดให้สมาชิกในรัฐสภาที่รวมตัวกันได้ 20 คน สามารถมีสิทธิคัดเลือกผู้ร่างได้ 1 คน ซึ่งแตกต่างจากการใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก (Simple Majority) ที่อาจทำให้ฝ่ายเดียวผูกขาดการคัดเลือกผู้ร่างได้ทั้งหมด ซึ่งกมธ.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่สามของพรรคประชาชน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันการผูกขาด

“ผลการลงมติของคณะกรรมาธิการจึงเป็นเรื่องที่ทั้งน่าผิดหวังและน่ายินดีผสมกันไป แม้เราไม่สามารถผลักดันให้ประชาชนคัดกรองผู้ร่างได้โดยตรง แต่การที่ กมธ. รับหลักการสูตร 20 หยิบ 1 จะเป็นหลักประกันว่าการคัดเลือกผู้ร่างโดยรัฐสภาจะไม่ถูกผูกขาดโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และประชาชนยังมีส่วนร่วมได้บ้างในการกำหนดผู้ร่างผ่านคูหาเลือกตั้ง ส.ส.” นายพริษฐ์กล่าว และยืนยันว่า หลังจากการลงมติ พรรคประชาชนจะทำเต็มที่เพื่อเดินหน้าพิจารณามาตราที่เหลือให้เสร็จโดยเร็วที่สุด โดยพิจารณาในชั้น กมธ. ให้เสร็จสิ้นภายใน สิ้นเดือนพ.ย. เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาวาระ 2 ใน ต้นเดือนธ.ค.และให้รัฐสภาพิจารณาวาระ 3 เสร็จก่อนสิ้นเดือนธ.ค.2568 นี้

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า เกี่ยวกับข้อเสนอของพรรคประชาชนในการเลือกคณะกรรมการยกร่างฯว่าให้ประชาชนเข้าคูหาเพื่อเลือกผู้ร่างก่อน ให้เหลือ 70 คน และจากนั้นให้รัฐสภาคัดเลือกให้เหลือ 35 คน แต่โหวตให้ชั้นกรรมาธิการ แพ้โหวตประเด็นนี้ ทำให้กรรมาธิการเสียงข้างมากเสนอว่า “จะเป็นการเปิดรับสมัครแทน” ซึ่งพรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ไม่ได้เห็นด้วยกับข้อสรุปเช่นนี้ ซึ่งปัจจุบันตัวร่างที่ได้ข้อสรุปมาว่าให้สภาเป็นเจ้าภาพหลักในการออกแบบกระบวนการรับสมัคร ในการแสดงวิสัยทัศน์ และรวบรวมข้อมูลเพื่อให้รัฐสภาคัดเลือก ส่วน กกต. จะเข้ามารับผิดชอบในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ด้วยมีกรรมาธิการบางคนเสนอว่า กกต. เมื่อคุ้นเคยกับการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระรัฐสภาในขั้นตอนนี้ได้ดี

เมื่อกรรมาธิการเสียงข้างนอกสรุปให้เปิดรับสมัคร ปัจจุบันยังมีการพูดคุยว่าผู้สมัครแต่ละคน ควรจะจะต้องมีผู้รับรอง100 คนหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้เห็นว่าหากพูดอย่างเป็นธรรมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย กติกาจะต้องหารือการให้ตกผลึกภายในสัปดาห์นี้ มุมหนึ่งบางคนมองว่ามีข้อดีว่าเมื่อกรรมาธิการเสียงข้างมากตัดคูหาเลือกตั้งออกไป การให้ผู้สมัครแต่ละคนต้องมีการรับรองโดยประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 100 คน เสมือนเป็นการวางเกณฑ์ว่าจะต้องให้ประชาชนเห็นชอบในการทำหน้าที่ในระดับหนึ่ง และเข้าใจในข้อกังวลเกี่ยวกับข้อเสียมิติหนึ่งว่าหากมีการกำหนดจำนวนผู้รับรองที่สูงเกินไป อาจจะทำให้ผู้สมัครที่อาจมีความสามารถไม่ได้มีเครือข่ายที่จะลงชื่อสนับสนุนได้อาจจะถูกปิดกั้นการเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปยังเป็นข้อตกลงที่ต้องตกผลึกกันอีกครั้ง

“ แต่ประเด็นที่หลายคนกังวลว่าจะเอื้อต่อการจัดตั้งหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่กรรมาธิการหลายคนเห็นด้วยคือหากจะคงไว้ซึ่งกลไกผู้รับรองอาจจะต้องมีการเปิดเผยรายชื่อของผู้รับรับรองให้ประชาชนได้เห็นหากสมมุติว่ามีกระบวนการจัดตั้งที่หลายคนกังวลประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่ามีรายชื่อเหมือนกันสนับสนุนกลุ่มผู้สมัครกลุ่มเดียวกัน” นายพริษฐ์กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวถึงกรณีสูตร 20 หยิบ 1 ที่ สส.และ สว. รวมตัวเลือกได้อย่างอิสระเป็นดุลย์พินิจของสมาชิกรัฐสภาแต่ละคน เพื่อจะได้ให้สามารถเลือก ตามเป้าหมายของการให้แต่ละส่วนเสนอรายชื่อตามสัดส่วน ส่วนกรณีที่เสียงไม่ครบ 20 ที่จะหยิบ 1 ได้ หรือมีสมาชิกรัฐรัฐสภาไม่ครบ 700 คน มีการออกแบบเขียนบทบัญญัติยอมรับไว้ หากยังไม่ครบ 35 รายชื่อ มีการวางว่าในตำแหน่งที่เหลือ เข้าที่ประชุมใหญ่รัฐสภา ให้สมาชิกรัฐสภาเสนอชื่อ จำนวน 2 เท่า ของตำแหน่งที่เหลือ เช่น หากเหลือ 2 คน ต้องมีการเสนอชื่อเข้ามา 4 คน และโหวตโดยใช้เกณฑ์เสียงว่าคนที่จะได้รับคัดเลือกต้องใช้คะแนนเสียงสูงสุดโดยจะต้องเกิน 2 ใน 3 เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงข้างมากลากไป ยืนยันวางกลไกทุกอย่างอย่างรัดกุมที่สุดเพื่อให้รับมือกับทุกฉากกระทัศน์ที่จะเข้ามา

ข่าวแนะนำ