ดร.วันวิชิต ชี้จุดยืนนายกฯทำถูกต้องที่สุด ปกป้องชาติเต็มที่ เปิด 11 ข้อ ชี้แจง “ทรัมป์” มีน้ำหนัก ย้ำชัดไทยไม่ใช่ฝ่ายละเมิดปฏิญญา พร้อมไม่หวั่นหากโดนกดดันทางเศรษฐกิจ! ลั่นคนไทยหนุนการยืนหยัดเพื่อศักดิ์ศรีครั้งนี้
วันที่ 16 พ.ย.2568 ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า คำอธิบายทั้ง 11 ข้อที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงต่อผู้นำสหรัฐฯ นั้น ครอบคลุมและมีน้ำหนักในฐานะผู้นำประเทศ ที่ต้องปกป้องศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของชาติอย่างที่สุด หากนายกรัฐมนตรี “ยอมลดท่าที” ย่อมเสี่ยงต่อแรงกดดันมหาศาลจากสังคม เพราะประชาชนผู้รักชาติย่อมตั้งคำถามว่า เหตุใดไทยซึ่งเป็นฝ่ายเสียหาย จึงต้องยอมถอยให้กับสหรัฐฯ
“ถ้านายกรัฐมนตรีเลือกที่จะยอม ผมเชื่อว่าท่านอาจไม่สามารถตอบคำถามประชาชนได้ว่า ทำไมต้องยอม ทั้งที่เรามีหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาละเมิดก่อน ไทยมีพยานหลักฐานเพียงพอที่ยืนยันได้ว่ากัมพูชาละเมิดปฏิญญาก่อน ซึ่งเป็นต้นตอของความตึงเครียด จึงเป็นเหตุผลที่ไทยต้องแสดงจุดยืนเข้มแข็ง ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ควรวางตัวเป็นกลาง และรับฟังข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย ดังนั้นการแสดงท่าทีเด็ดขาดของนายกรัฐมนตรีที่ประกาศ ระงับข้อตกลงไม่ได้เกิดจากความเกรี้ยวกราดโดยไร้เหตุผล แต่เป็นการทำให้ประชาคมโลกเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย และเหตุใดไทยต้องยกระดับท่าทีให้เด็ดขาดเช่นนี้ ไทยไม่ได้ต้องการสงคราม ไทยรักสงบ แต่ไม่เคยยอมให้ใครรังแกก่อน การยืนหยัดเพื่อศักดิ์ศรีในครั้งนี้ ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่สนับสนุน”ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าว
ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การที่นายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณว่าไม่ได้กังวล หากสหรัฐฯ จะมีการใช้ มาตรการภาษีและเครื่องมือกดดันทางเศรษฐกิจ หลังไทยระงับปฏิญญา ถือเป็นการวางจุดยืนเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองของไทย ซึ่งไม่เกินความคาดหมาย เพราะที่สุด ต้องยืนยันในเกียรติของชาติ สำคัญสูงสุด ทั้งนี้ รัฐบาล น่าจะมีการเตรียมการแล้ว ว่า จะทำอย่างไร หากถูกกดดันทางการค้าจริงๆ พร้อมสรุปว่า ความชัดเจนในจุดยืนเช่นนี้ คือสิ่งที่ผู้นำพึงกระทำ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อประชาคมโลก







