เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ศาลาประชาคมบ้านไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมคณะ ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังความเห็นจากภาคประชาชนในพื้นที่
การประชุมฯ ในวันนี้ นายกีรติวัฒน์ ธีระวัฒนา ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้กล่าวรายงานและนำกล่าวต้อนรับคณะฯ โดยมีพี่น้องประชาชนในพื้นที่กว่า 300 คน เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์และเข้มข้น ตัวแทนชาวบ้านได้ยื่นหนังสือให้กับ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง และคณะกรรมาธิการฯ เพื่อสะท้อนปัญหาที่ได้รับผลกระทบ
[ตั้งเป้าเสนอกฎหมายเข้าสภาฯ 12 ธันวาคมนี้]
ภายหลังการประชุม พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการพิจารณาร่างกฎหมายว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ประชุมกันอย่างต่อเนื่อง และมีแผนที่จะนัดประชุมรับฟังความเห็นเพิ่มเติม เพื่อให้ร่างกฎหมายฉบับนี้สามารถอำนวยความยุติธรรมได้สูงสุด และเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม
"คณะกรรมาธิการฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเสนอร่างกฎหมายนี้ต่อสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2 และวาระ 3 ในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ที่จะมีการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สามัญประจำปีครั้งที่ 2)" - พ.ต.อ. ทวี กล่าว
[เน้นย้ำหลักการ "อยู่ก่อนมีสิทธิ์" หยุดการดำเนินคดี]
พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงเหตุผลที่เลือก อ.วังน้ำเขียวในการลงพื้นที่ครั้งนี้ว่า ต้องการดูพื้นที่จริงเพื่อให้กฎหมายที่จะออกมาสามารถให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายได้ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะครอบคลุมประชาชน 2 กลุ่มใหญ่
1.) กลุ่มผู้ได้รับการผ่อนผันตามเงื่อนไขของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 หรือ
2.) ผู้ที่มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในบริเวณพื้นที่สงวนหวงห้ามนั้นเพื่อตนเอง
ก่อนมีคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557
โดยไม่มีลักษณะที่เข้าข่ายเป็นนายทุน
พ.ต.อ. ทวี ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว มีประชาชนถึง 353 คน ที่ถูกจับกุมและดำเนินคดี ทั้งที่อยู่ในระหว่างรอการพิสูจน์สิทธิ์ตามมติ ครม. ที่ผ่านมา ข้าราชการไม่ได้ดำเนินการพิสูจน์สิทธิ์ตามเวลาที่ควรจะเป็น ทำให้ประชาชนต้องรอความยุติธรรมมานานกว่า 20 ปี
"หลักการพื้นฐานที่สำคัญคือ ประชาชนที่อยู่ก่อนการประกาศเขตห้าม ควรได้รับการพิสูจน์สิทธิ์โดยรวดเร็ว ไม่ใช่ปล่อยให้รอความยุติธรรมที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด"
[กฎหมายเพื่อสิทธิชุมชน ไม่ใช่ส่งเสริมทุน]
พ.ต.อ. ทวี ยืนยันในเจตนารมณ์ของกฎหมายว่า ไม่ได้มาเพื่อส่งเสริมให้นายทุนบุกรุกป่า แต่มาเพื่อ คุ้มครองสิทธิชุมชน ของผู้ที่อยู่มาก่อนอย่างชอบธรรม โดยเฉพาะกรณีที่ป่าเกิดขึ้นจากฝีมือชาวบ้านปลูกเอง หากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ จะเป็นทางที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนที่ถูกตัดสินจำคุกให้ได้สิทธิ์คืน
"เราเอาตามเกณฑ์ที่รัฐบาลให้สิทธิ์ไว้เดิม ไม่ได้มีอะไรเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาถูกจับเพราะมติ ครม. ไม่ใช่ตัวกฎหมาย เมื่อไปถึงศาลก็ต้องมาติดคุก แต่ถ้ากฎหมายนี้ออก จะถือเป็นทางที่อำนวยความยุติธรรมให้ เราต้องให้ความสำคัญความเป็นคน เป็นมนุษย์ เพราะทุกคนควรจะได้รับการคุ้มครองว่าประเทศใดก็ตามหากไม่สามารถปฏิรูปร่วมกันโดยใช้ที่ดินหรือความยุติธรรมได้ ประเทศนั้นจะมีแต่ความขัดแย้งและความเจริญจะไม่มีครับ"
การลงพื้นที่รับฟังความเห็นในครั้งนี้จึงเป็นไปเพื่อรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนเพื่อนำไปปรับปรุงร่างกฎหมายให้เกิดความยุติธรรมสูงสุดก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีกำหนดการประชุมอีกครั้ง ในวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ CA 308 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ








