“ฮุน มาเนต” ส่งสารถึงชาติ หลังไทย–กัมพูชาหยุดยิง ชี้สันติภาพสำคัญกว่าสงคราม
ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ส่งสารถึงทหาร ตำรวจ และ ประชาชนชาวกัมพูชา ทุกคน ภายหลัง รัฐบาลกัมพูชา และไทยบรรลุข้อตกลง " หยุดยิงทันที ณ ที่ตั้ง" ซึ่งมีผลตั้งแต่เวลา 12.00 น. วันที่ 27 ธันวาคม 2025
ฮุน มาเนต ระบุว่า ขอเรียนถึงพี่น้องวีรชนทหารและวีรชนตำรวจผู้กล้าหาญทุกท่าน ตลอดจนพี่น้องประชาชนร่วมชาติที่เคารพรักอย่างยิ่ง!
วันนี้ ในนามของ ประมุขแห่งรัฐบาล ขอส่งสารถึงพี่น้องประชาชนทุกคน ในห้วงเวลาที่มาตุภูมิกัมพูชาอันเป็นที่รักของพวกเราได้และกำลังเผชิญโศกนาฏกรรมจาก สงครามรุกราน ภายหลังจากที่ประเทศได้บรรลุสันติภาพอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1998 กัมพูชาได้ผ่าน ไฟสงคราม มาอย่างยาวนานนับร้อยปี รวมถึง ระบอบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งทำให้ประชาชนกัมพูชาทุกคนตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของ " สันติภาพ " และในสถานการณ์เช่นนี้ เราไม่มีความปรารถนาอื่นใด นอกจากสันติสุขและโอกาสในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า
ด้วยเหตุนี้ กัมพูชาจึงให้คุณค่าสูงสุดแก่ "สันติภาพและการพัฒนา" และยึดมั่นสนับสนุน พร้อมเข้าร่วมปฏิบัติตามระเบียบภูมิภาคและสากลอย่างสุจริต บนพื้นฐานของ กฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญา อนุสัญญา และข้อตกลงต่าง ๆ ที่กัมพูชาเป็นภาคี โดยเฉพาะ กฎบัตรสหประชาชาติ และ กฎบัตรอาเซียน เพื่อมุ่งอยู่ร่วมกันอย่างสันติในเชิงบวกกับทุกประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศในภูมิภาค และประเทศทั่วโลก
ภายใต้เจตนารมณ์ดังกล่าว รัฐบาลกัมพูชายึดแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และยังคงพยายามเจรจาในทุกรูปแบบ เพื่อ ยุติการเผชิญหน้าด้วยอาวุธ และหวนกลับไปแก้ไขปัญหาเขตแดนผ่านกลไกทางเทคนิคและกรอบกฎหมายที่มีอยู่ หลังจากความพยายามเจรจาอย่างอดทนสูงสุด กัมพูชาและไทยได้ตกลงดำเนินการตาม "การหยุดยิงทันที ณ ที่ตั้ง" ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2025 เป็นต้นไป
แท้จริงแล้ว "การหยุดยิงทันที ณ ที่ตั้ง" หมายความว่ากำลังทหารของทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตามการหยุดยิง โดยคงกำลังอยู่ในที่ตั้งประจำ ณ เวลาที่เริ่มมีผลบังคับใช้ ในประเด็นนี้ ขอย้ำว่า การคงกำลัง ณ ที่ตั้งดังกล่าว ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากทั้งสองฝ่ายว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเส้นเขตแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่รัฐบาลกัมพูชาได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนใน " แถลงการณ์ร่วมของการประชุมพิเศษคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ( GBC ) ระหว่าง ราชอาณาจักรกัมพูชา และ ราชอาณาจักรไทย ลงวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2025"
ข้อความดังกล่าวยืนยันชัดเจนว่า เส้นเขตแดนระหว่างประเทศของกัมพูชาและไทย ยังคงถูกกำหนดโดยสนธิสัญญาและอนุสัญญาที่มีอยู่ และกัมพูชายังคงรักษาสิทธิอย่างครบถ้วนในการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับฝ่ายไทย ตามกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญา อนุสัญญา และกลไกทวิภาคีที่มีผลบังคับใช้
พร้อมกันนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงมอบหมายให้คณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนภาคพื้นดิน (JBC) กลับมาดำเนินงานวัดและปักปันเขตแดนโดยเร็ว ตามข้อตกลงที่มีอยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบซึ่งเคยมีประชาชนอาศัยอยู่ เพื่อธำรงสันติภาพอย่างยั่งยืนตลอดแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ
เงื่อนไขของการหยุดยิงยังเปิดทางให้พี่น้องผู้พลัดถิ่นในพื้นที่ชายแดนสามารถกลับสู่บ้านเรือนได้อย่างปลอดภัย มีศักดิ์ศรี และไร้อุปสรรค ในประเด็นนี้ ผมได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมพื้นที่ที่มีความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก เพื่อให้พี่น้องผู้พลัดถิ่นสามารถกลับบ้านได้โดยเร็วที่สุด ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการกลับอย่างปลอดภัย รัฐบาลจะจัดหามาตรการเฉพาะหน้าให้แก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น
นอกจากนี้ ตามแถลงการณ์ร่วม ภายหลังการหยุดยิงมีผลสมบูรณ์ครบ 72 ชั่วโมง ทหารกัมพูชา 18 นาย จะได้รับการ ปล่อยตัวกลับประเทศ ตามเจตนารมณ์ของ แถลงการณ์ร่วมกรุงกัวลาลัมเปอร์ ลงวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 2025
แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้งสองฝ่ายในการผลักดันความร่วมมือด้านอื่น ๆ ที่เป็นลำดับความสำคัญ ผ่านกลไกและตามข้อตกลงที่มีอยู่ ซึ่งเป็นการสานต่อความตกลงก่อนหน้า อาทิ แถลงข่าวร่วมการหยุดยิงวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 และแถลงการณ์ร่วมกรุงกัวลาลัมเปอร์ วันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 2025 รวมถึงเอกสารและข้อตกลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างกัมพูชาและไทย
ในนามหัวหน้ารัฐบาลกัมพูชา ขอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อประเทศมิตรและประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศสมาชิกอาเซียน ภายใต้การประสานงานของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ที่ได้ให้การสนับสนุนและมีบทบาทอย่างแข็งขันในกระบวนการนี้ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน กัมพูชายืนยันจะปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมการหยุดยิงนี้อย่างครบถ้วนและจริงใจ และยินดีต่อการมีส่วนร่วมของประเทศมิตรและประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) เพื่อยืนยันและประกันการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ
ในนามหัวหน้ารัฐบาลและในฐานะพลเมืองกัมพูชาคนหนึ่ง ขอแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างสุดซึ้งแด่พระบาทสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และสมเด็จพระราชินี พระวรราชมารดาแห่งชาติ ที่ทรงสนับสนุนรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และทรงห่วงใยทุกข์สุขของพสกนิกร โดยเฉพาะในยามยากลำบากเช่นนี้
ขอแสดงความขอบคุณอย่างลึกซึ้งต่อการเสียสละอันประเมินค่าไม่ได้ของวีรชนทหารและวีรชนตำรวจผู้กล้าหาญทุกนาย ในภารกิจอันสูงส่งในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน พร้อมทั้งขอยกย่องจิตวิญญาณรักชาติและความสามัคคีของพระสงฆ์และประชาชนทุกหมู่เหล่า ทั้งในและต่างประเทศ คุณูปการเหล่านี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของกัมพูชาตลอดไป
ความยากลำบากและการเสียสละเลือดเนื้อของวีรชนในสมรภูมิ เป็นเครื่องเตือนใจว่า "แตกแยกคือความตาย สามัคคีคือชีวิต" ดังคำโบราณว่า "ไม้ตะเกียบหนึ่งกำมัด หักไม่ขาด" เราจึงต้องใช้วิกฤตนี้เป็นโอกาส รวมพลังกันสร้างชาติให้เข้มแข็งและดียิ่งขึ้น ภายใต้พระบารมีอันร่มเย็นขององค์พระมหากษัตริย์
ประสบการณ์สงครามอันยาวนานของกัมพูชาย้ำชัดว่า สงครามไม่อาจยุติด้วยสงคราม มีเพียงการแก้ไขปัญหาบนพื้นฐานของกฎหมาย สันติวิธี และความเข้าใจกันเท่านั้น ที่จะยุติสงคราม ลดการสูญเสีย ความเจ็บปวด และความโศกเศร้าของประชาชนได้
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า จะยังคงให้ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล ร่วมแรงร่วมใจในจิตวิญญาณความเป็นชาติเดียว ใช้คุณค่าของสันติภาพเพื่อพัฒนาตนเป็นพลเมืองคุณภาพ และเป็นพลังอันแข็งแกร่งในการพิทักษ์อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และการพัฒนามาตุภูมิกัมพูชาอันเป็นที่รัก ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น และยืนหยัดอย่างสง่างามบนเวทีโลก
ท้ายที่สุด ขออำนวยพรแด่พระสงฆ์และพี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน ให้ประสบพุทธพรทั้งห้าประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ อย่าได้ขาดตกบกพร่องโดยประการทั้งปวง.







