เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 20 พ.ย. 68 ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ร่วมงานสัมมนา “PRACHACHAT OUTLOOK THAILAND 2026 : ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ” โดยนายอนุทิน กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Change for the Future” มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า สิ่งที่เราอยู่ในวงการโลก ทำให้รู้วิธีที่จะเจรจากับพวกเขา คำว่าเจรจาเป็นศัพท์ที่ฟังดูเพราะ เป็นการนำประเทศกับประเทศมาพูดคุยกัน แต่ในความเป็นจริงคือต่อรองทั้งนั้น ไม่ต่างจากการที่เราต่อรองกับบริษัทคู่ค้าของเรา เป็นแบบนี้ตลอด ไม่ว่าจะอยู่เวทีที่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมีความมั่นคงแข็งแรงอย่างไร โลกเราทุกวันนี้อยู่กันด้วยคำว่าประสานประโยชน์ ถ้าเป็นภาษาพวกเราเรียกว่า สมประโยชน์ แต่ภาษาทางการเรียกว่าประสานประโยชน์ หรือใช้คำว่าวินวิน เพื่อทำให้ทุกฝ่ายรู้สึกเหมือนตัวเองได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ทั้งสองฝ่ายได้หมดไม่มีใครเสียเปรียบ นี่คือกติกาของโลกที่เราต้องพยายามหาช่องทางที่เราหารือกับทางคู่ประเทศคู่กรณีและเดินไปด้วยกัน
นายกฯ กล่าวอีกว่า โอกาสของเราเมื่อเราดำรงตนให้เป็นพันธมิตร เราก็จะเป็นพันธมิตรกับโลกทั้งใบ โดยที่ไม่ผูกขาด เราต้องทำให้เขาเข้าใจคำว่าเราเป็นเพื่อนกันก็จริง แต่ต้องเป็นเพื่อนที่มีผลประโยชน์ด้วยกัน ต้องจับมือกันในสิ่งที่ลงตัว และหากไม่ลงตัว ก็ไปหาคนที่พร้อมที่จะจับมือกับเรา ซึ่งมีตลอดเวลาไม่เคยมีทางตัน ประเทศไทยต้องเลิกเป็นกระต่ายตื่นตูม ต้องยืนขาเดียว ยืนคนเดียวให้ได้ อย่าไปเชื่อว่าต้องเอนอยู่กับฝ่ายนี้จนเกินไป เพราะวันดีคืนดี หากเขาขยับตัวนิดเดียว เราก็ล้ม หรือถ้าเราจะพยายามบาลานซ์ตัวเองเต้นตามตลอดเวลา ท่ามกลาง 2 ขั้วอำนาจ สุดท้าย 2 ขั้วอยู่ได้สบาย คนเต้นตายก่อน ฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำให้ได้คือเราต้องเป็นขั้วที่ 3 อยู่ของเราอยู่ให้ได้ หาจุดแข็งและดำเนินต่อไปให้ได้ ซึ่งเราก็เป็นเช่นนั้นมาโดยตลอดในการทำธุรกิจ ตนเคยมาจากภาคเอกชนทราบความต้องการของผู้ประกอบการ
“เราต้องเข้มแข็ง อย่ายึดติด ต้องยืดหยุ่นอะไรที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เราก็ต้องทำไป เศรษฐกิจไทยต้องมีความพร้อมสำหรับการแข่งขันในรูปแบบใหม่ คนพร้อม ทรัพยากรพร้อม กฎระเบียบกำลังทำอยู่ ถ้าอยากให้พร้อม ก็เลือกผมกลับมา แล้วทำให้จบ ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งที่มันไปมันก็จะเป็นตัวฉุดรั้งหลังความเจริญ ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปพลังงาน ปฏิรูปกฎหมายที่เก่าแก่ เราก็จะแก้ไขให้หมด ถึงแม้ว่าจะทำไม่ได้ แต่ทุกอย่างภายในเวลาอันจำกัด เราก็ปูทางเอาไว้พี่น้องประชาชนก็ตัดสินใจเอาว่า คนไหนที่มีความตั้งใจที่จะทำสิ่งเหล่านี้ และมีความกล้าหาญมากเพียงพอที่จะทำสิ่งเหล่านี้“ นายกฯ กล่าว







