“โป๊ปเลโอที่ 14” ประทานพระดำรัสคริสต์มาส ขอทั่วโลกหยุดความรุนแรง “คืนสันติภาพ”
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2568 สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ประทานพระดำรัสเนื่องในโอกาสวันคริสต์มาสครั้งแรก ที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ในนครรัฐวาติกันเมื่อวานนี้ เป็นการประทานพรที่เรียกเป็นวลีภาษาละตินว่า “อูร์บิ เอ็ต ออร์บิ” (Urbi et Orbi) ซึ่งตามประเพณีแล้ว ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกจะมีพระราชดำรัสแก่คริสต์ศาสนิกชน ที่มารวมตัวกันในนครรัฐวาติกันในวันคริสต์มาส
โป๊ปเลโอทรงตรัสจากระเบียงกลางของมหาวิหารนักบุญเปโตร ต่อหน้าผู้คนหลายพันคนที่รวมตัวกันในจัตุรัสด้านล่าง โดยทรงแสดงความเสียพระทัยต่อความขัดแย้งทั้งทางการเมือง สังคม และการทหารในหลายพื้นที่ ทรงตรัสถึงกรณีของยูเครนว่า “ขอให้เสียงอึกทึกของอาวุธสงครามสงบลง และขอให้ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การสนับสนุนและความมุ่งมั่นของประชาคมโลก จงค้นหาความกล้าหาญที่จะหันหน้าเข้าหากันเพื่อสนทนาอย่างจริงใจ โดยตรง และให้เกียรติซึ่งกันและกัน”
คำอ้อนวอนของโป๊ปเลโอมีขึ้นในขณะที่การเจรจาเรื่องข้อตกลงสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ซึ่งนำโดยสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป เพื่อพยายามจัดทำข้อตกลงที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย แต่การเจรจาโดยตรงระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่เกิดขึ้น
โป๊ปเลโอยังทรงตำหนิความวุ่นวายและความขัดแย้งที่กำลังรุมเร้าส่วนอื่นๆ ของโลก รวมถึงในประเทศไทยและกัมพูชา ซึ่งเกิดการปะทะกันตามแนวชายแดนที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต แม้จะมีการประกาศหยุดยิงไปเมื่อเดือนกรกฎาคมก็ตาม ทรงขอให้มิตรภาพอันยาวนานของนานาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับการฟื้นฟู และขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันทำงานเพื่อมุ่งสู่การคืนดีและสันติภาพ
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน โป๊ปเลโอ ทรงแสดงธรรมเนื่องในวันคริสต์มาส ที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ โดยแสดงความเสียพระทัยต่อสภาพความเป็นอยู่ของคนไร้บ้านทั่วโลก และความเสียหายที่เกิดจากความขัดแย้งต่างๆ และยังทรงแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ของผู้อพยพและผู้ลี้ภัยที่เดินทางข้ามทวีปอเมริกา สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายปราบปรามผู้อพยพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้เอ่ยถึงทรัมป์โดยตรง โดยในบทเทศน์คืนวันคริสต์มาสอีฟเมื่อวันพุธ พระองค์ตรัสว่า การปฏิเสธช่วยเหลือคนยากจนและคนแปลกหน้า เท่ากับเป็นการปฏิเสธพระเจ้า







