ต่างประเทศ

"หอการค้าสหรัฐฯ" ในกัมพูชา กังวลไทยปิดอ่าวสกัดขนส่งน้ำมัน-สินค้า กระทบธุรกิจ-ครอบครัวชาวอเมริกันในเขมร

แชร์ข่าว

วันที่ 16 ธ.ค. 256 สำนักข่าว Kiripost สื่อกัมพูชา รายงานข่าวระบุว่า ธุรกิจของสหรัฐฯ ในกัมพูชาเรียกร้องให้วอชิงตันดำเนินการเกี่ยวกับภัยคุกคามจากกองทัพไทยที่ขู่ว่าจะกำหนดให้ท่าเรือของกัมพูชาเป็น "พื้นที่เสี่ยงสูง" และ "ปิดกั้นการขนส่งทางทะเล" โดยเตือนถึงผลกระทบรุนแรงต่อครอบครัวและธุรกิจของสหรัฐฯ ในกัมพูชา

ทั้งนี้ หอการค้าอเมริกันประจำกัมพูชา (AmCham Cambodia) ได้ส่งแถลงการณ์ถึง บริดเจ็ตต์ วอล์คเกอร์ รักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกัมพูชา เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.68 แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อคำแถลงของกองทัพไทยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ขู่ว่าจะกำหนดให้ท่าเรือของกัมพูชาเป็น "พื้นที่เสี่ยงสูง" และ "ปิดกั้นการขนส่งเชื้อเพลิงและสินค้าอื่นๆ ทางทะเล"

"การปิดกั้นเชื้อเพลิงจะมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อครอบครัวและธุรกิจของชาวอเมริกันในกัมพูชา ธุรกิจของชาวอเมริกันจะปิดตัวลง และครอบครัวชาวอเมริกันจะเผชิญกับความท้าทายในการตอบสนองความต้องการด้านการขนส่งและพลังงานขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวัน รวมถึงค่าเล่าเรียนและค่ารักษาพยาบาล" แถลงการณ์ระบุ

AmCham ระบุว่าการค้าส่วนใหญ่ระหว่างสหรัฐฯ และกัมพูชาเป็นการขนส่งทางทะเล ดังนั้น แถลงการณ์จึงระบุว่า การกำหนดให้ท่าเรือของกัมพูชาเป็น “พื้นที่เสี่ยงสูง” จะทำให้ค่าประกันภัยและค่าขนส่งสูงเกินเอื้อม ซึ่งจะทำลายการค้าที่กำลังเติบโตระหว่างสหรัฐฯ และกัมพูชา

“นอกจากนี้ยังจะผลักดันให้คนงานในภาคการผลิตที่ยากจนและเปราะบางที่สุดกว่าหนึ่งล้านคนตกอยู่ในความยากจน” แถลงการณ์เน้นย้ำว่า การที่ไทยคุกคามท่าเรือและการขนส่งเชื้อเพลิงของกัมพูชาเป็น “การยกระดับความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นและโหดร้าย” ซึ่งสร้างความทุกข์ทรมานอย่างใหญ่หลวงแก่ประชาชน

เคซีย์ บาร์เน็ตต์ ประธานหอการค้าอเมริกันในกัมพูชา กล่าวว่า

“การที่ไทยคุกคามการขนส่งน้ำมันและการค้าทางทะเลกับกัมพูชาเป็นการคุกคามต่อทุกประเทศ ความพยายามใดๆ ในการหยุดหรือขัดขวางการขนส่งสินค้าของสหรัฐฯ ไปยังกัมพูชา หรือสินค้าของกัมพูชาที่มุ่งหน้าไปยังสหรัฐฯ จะเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน”

เขากล่าวเสริมว่า หากดำเนินการดังกล่าว จะถือเป็นการโจมตีพลเรือนและการยกระดับความขัดแย้งอย่างร้ายแรง

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นารา ขุนโกธม ผู้ช่วยโฆษกราชนาวีไทย ได้ประกาศที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาร่วม ณ สถานีโทรทัศน์กองทัพบก โดยกล่าวถึงข้อเสนอของกองทัพไทยในการปิดกั้นและตรวจสอบการขนส่งเชื้อเพลิงและเสบียงอื่นๆ ไปยังกัมพูชา ตลอดจนประกาศน่านน้ำรอบท่าเรือของกัมพูชาว่าเป็น "พื้นที่เสี่ยงสูง"

ตามรายงานของหอการค้าอเมริกัน (AmCham) มีธุรกิจที่ชาวอเมริกันเป็นเจ้าของจดทะเบียนในกัมพูชาประมาณ 865 แห่ง และอีกหลายร้อยแห่งทำงานร่วมกับผู้ผลิตในกัมพูชาเพื่อผลิตสินค้าให้กับแบรนด์อเมริกัน บริษัทเหล่านี้เป็นตัวแทนของการลงทุนจากสหรัฐฯ ในกัมพูชาหลายพันล้านดอลลาร์ โดยจัดหาสินค้าและบริการคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสมให้กับครอบครัวและผู้บริโภคทั้งชาวกัมพูชาและชาวอเมริกัน

รายงานระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และกัมพูชามีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ด้วยการลงนามในข้อตกลงการค้าแบบต่างตอบแทน

ตามข้อมูลจากกรมศุลกากรและสรรพสามิตของกัมพูชา ระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2568 กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาคิดเป็นมูลค่าประมาณ 11.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่นำเข้าคิดเป็นมูลค่าประมาณ 367 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าการค้าทวิภาคีอยู่ที่ 11.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 27.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

สื่อของทางประเทศกัมพูชาได้ออกมานำเสนอข่าวว่า หอการค้าอเมริกันและหอการค้าญี่ปุ่นเตือน การที่ไทยขู่ว่าจะปิดกั้นการขนส่งน้ำมันและกำหนดให้ท่าเรือของกัมพูชาเป็น "ท่าเรือที่มีความเสี่ยงสูง" นั้นละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

ข้อมูล / ภาพ จาก Kiripost