วันที่ 26 ธํนวาคม 2568 สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ออกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง ห้ามบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (โดรน) ในพื้นที่ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
การออกประกาศฉบับที่ 14 เป็นผลจากการติดตามและประเมินสถานการณ์ภายหลังการบังคับใช้ประกาศฉบับที่ 13 อย่างใกล้ชิด ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง โดยพบว่ายังคงมีบางพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวด้านความมั่นคง โดยเฉพาะพื้นที่ด้านพลังงานและพื้นที่ปฏิบัติการสำคัญ ที่จำเป็นต้องคงมาตรการควบคุมการใช้งานโดรนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยของประเทศ
พื้นที่ที่ห้ามบินเด็ดขาด
• พื้นที่ที่มีการวางกำลังหรือปฏิบัติการภาคพื้นระดับจังหวัดใน 7 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ตราด สระแก้ว บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ และอุบลราชธานี
• พื้นที่ปฏิบัติการระดับอำเภอ ได้แก่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง
• พื้นที่ภายในรัศมี 9 กิโลเมตร (5 ไมล์ทะเล) รอบสนามบินที่กำหนดจำนวน 13 แห่ง
สำหรับสนามบินอื่นนอกเหนือจากสนามบินที่กำหนดไว้ หากประสงค์จะทำการบินภายในระยะ 9 กิโลเมตร (5 ไมล์ทะเล) จากสนามบิน ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของหรือผู้ดำเนินการสนามบินนั้นก่อน
• พื้นที่เพิ่มเติมที่หน่วยงานด้านปกครอง พลังงาน และความมั่นคงประกาศเป็นการเฉพาะ ได้แก่
- ทุกอำเภอในจังหวัดนครราชสีมา
- อำเภอบ่อทอง อำเภอบางละมุง อำเภอศรีราชา อำเภอเกาะสีชัง อำเภอบ้านบึง และอำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี
- อำเภอเมืองระยอง อำเภอนิคมพัฒนา อำเภอบ้านค่าย และอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง
- อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา อำเภอบางปะกง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว และอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
- อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
- อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม
- อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
เงื่อนไขในการทำการบิน ดังนี้
• ผู้ใช้งานต้องขึ้นทะเบียนผู้บังคับโดรน รวมถึงขึ้นทะเบียนตัวโดรนกับ CAAT ให้เรียบร้อย ถูกต้องและครบถ้วน
• ยื่นคำขออนุญาตปฏิบัติการบินล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ผ่านระบบแอปพลิเคชัน UAS Portal หรือ uasportal.caat.or.th
• ปฏิบัติการบินที่ความสูงไม่เกิน 90 เมตร (300 ฟุต) เหนือพื้นดิน
• สามารถบินได้ในเวลา 06.00–18.00 น. หากต้องการบินในช่วงเวลา 04.01 น. ถึง 05.59 น. หรือช่วงเวลา 18.01 น. ถึง 24.00 น. ให้ขอปฏิบัติแตกต่างจากเงื่อนไขที่กำหนดต่อ CAAT ผ่านช่องทาง UAS Portal หรือ uasportal.caat.or.th ทั้งนี้ ห้ามบินในช่วงเวลา 00.01–04.00 น. ทุกกรณี
• เมื่อได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติการบินแล้ว ก่อนการปฏิบัติการบินทุกครั้ง ให้ผู้ได้รับอนุญาตแจ้งข้อมูลพื้นที่ที่ปฏิบัติการบิน วันและเวลา และวัตถุประสงค์การปฏิบัติการบินต่อ CAAT ผ่านแอปพลิเคชัน UAS Portalรวมถึงแจ้งต่อ ศบตอ.น. อีเมล : antidrone.police@gmail.com
• การปฏิบัติการบินที่แตกต่างจากเงื่อนไขที่กำหนด ต้องยื่นคำขออนุญาตและเอกสารเพิ่มเติมต่อ CAAT ผ่าน UAS Portal
สำหรับโดรนของราชการทหาร ตำรวจ ศุลกากร กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรฯ และสำนักข่าวกรองฯ สามารถปฏิบัติการได้ตามอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้ เฉพาะโดรนของศุลกากร กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรฯ หากมีการบินในพื้นที่ห้ามบิน ขอความร่วมมือแจ้งข้อมูลล่วงหน้าผ่าน UAS Portal หรือ uasportal.caat.or.th รวมถึง แจ้งต่อ ศบตอ.น. antidrone.police@gmail.com และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งผู้ฝ่าฝืนประกาศนี้มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในกรณีจำเป็น เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมายมีอำนาจดำเนินการตอบโต้ รวมถึงการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System)
หากพบเห็นการใช้งานโดรนที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย หรืออาจเป็นภัยต่อความมั่นคงที่ฝ่าฝืนตามประกาศฉบับนี้ ให้แจ้งข้อมูล ได้แก่ วัน เวลา สถานที่ที่พบเห็น ลักษณะของโดรน และภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอ (ถ้ามี) ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเร็วผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ดังนี้
• กองพัฒนามาตรฐานและเทคโนโลยีระบบอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ฝ่ายมาตรฐานอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โทรศัพท์ 02-568-8851 หรืออีเมล uas_us@caat.or.th
• ศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก (โดรน) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศบตอ.น.) โทรศัพท์ 02-126-7846 หรืออีเมลantidrone.police@gmail.com
• ศูนย์แจ้งเหตุใกล้พื้นที่ เช่น สถานีตำรวจท้องที่ หน่วยทหาร หรือหน่วยความมั่นคงที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้น ๆ
CAAT ขอความร่วมมือประชาชนและผู้ใช้งานโดรนปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมกันรักษาความมั่นคง ความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยของประเทศ







